คนรักน้องตูบหัวใจสลาย

สถิติผู้เข้าชม
ขณะนี้มีผู้เข้าใช้	5
ผู้เข้าชมในวันนี้	983
ผู้เข้าชมทั้งหมด	5,529,485

กรุณาฝาก Email ของท่าน
เพื่อรับข่าวสาร ที่น่าสนใจ

5 กุมภาพันธ์ 2568
อา	จ.	อ.	พ.	พฤ	ศ.	ส.
						1
2	3	4	5	6	7	8
9	10	11	12	13	14	15
16	17	18	19	20	21	22
23	24	25	26	27	28

คนรักน้องตูบหัวใจสลาย
[27 กรกฎาคม 2553 19:35 น.]จำนวนผู้เข้าชม 7046 คน

   เล่าเรื่อง "น้องตูบหัวใจสลาย" ให้ฟังไปแล้ว ก็อยากจะสรุปเสียหน่อยว่า เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก่อนที่ใครคิดจะเลี้ยงน้องตูบคงต้องใครครวญให้จงหนัก เพราะไม่เพียงแต่ว่าเอาเข้าบ้านแล้วจะให้ความสุขแก่เขาได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้น แต่ต้องอย่าลืมว่า น้องตูบนั้นยึดเจ้าของเป็นสรณะ เข้าทำนอง "รักแล้ว รักเลย" อะไรประมาณนั้น ดังนั้นต้องคิดต่อด้วยว่า จะเลี้ยงเขาได้ตลอดรอดฝั่งไหม เหมือนอย่างเรื่องที่เกิดกับน้องตูบแพนด้า น้องตูบหัวใจสลายของครอบครัวผม เป็นต้น

   คราวนี้ก็จะมาสู่คำถามว่า น้องตูบหัวใจสลายนั้นมีจริง แล้วคนเล่า มีคนที่หัวใจสลายกับน้องตูบสุดที่รักยอดดวงใจบ้างหรือไม่?

   ตอบได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนคำถาม ไม่ต้องขอใช้ตัวช่วย ผมยืนยันได้เลยว่า มีแน่นอน แต่จากการสังเกตของผม อาการหัวใจสลายของคนจะมีข้อแตกต่างกับอาการหัวใจสลายของน้องตูบอยู่บ้าง...

   ครอบครัวเรามีน้องตูบอยู่กันมานานแสนนานตัวหนึ่ง เป็นน้องตูบพันทางชื่อนังตูบ "เซ็กซี่" ผมกับภรรยาซื้อมาจากบางลำภูเป็นตัวที่สอง ถัดจากตัวแรกที่ชื่อ "มิคกี้" ด้วยเหตุว่า อยากให้เขาเป็นเพื่อนกันจะได้ไม่เหงา

  ตอนที่เราซื้อเข้าบ้านนั้น ผมกับภรรยาเพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ มิคกี้อยู่กับเราได้สักปีเดียวก็หนีเที่ยวแล้วถูกฝูงตูบรุมกัดตาย แต่เซ็กซี่ซึ่งเป็นน้องตูบที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนจึงอายุยืนอยู่กับเรา จนกระทั่งผมกับภรรยามีลูกสาว 2 คน ในเวลาต่อมา

  ลูกสาวทั้งสองของผมเติบโตมากับนังตูบเซ็กซี่ และมีความผูกพันใกล้ชิดกันมาก วิ่งเล่นกันมาตั้งแต่ลูกสาวทั้งสองของผมยังเป็นเด็กน้อย กระทั่งเติบใหญ่เข้าโรงเรียน

  ทุกเย็นที่ลูกสาวกลับมาบ้านเธอก็จะมีลูกชิ้นปิ้งมาฝากเซ็กซี่เสมอ เรียกว่ากลายเป็นกิจวัตรประจำวันทีเดียว พอใกล้ 4 โมงเย็น เซ็กซี่ก็จะอยู่ไม่เป็นสุข ผุดลุกผุดนั่งเฝ้ารอฟังเสียงรถที่จะพาน้องกลับมาจากโรงเรียนพร้อมลูกชิ้นปิ้ง จนเราจับทางได้ว่า ถ้าเซ็กซี่ทำท่ากระดี๊กระด๊ามากเป็นพิเศษ หางแกว่งไกวถี่ๆ ร้องงี้ดง้าดแล้วหล่ะก็...

  รถรับ-ส่งลูกสาวของเราใกล้จะมาถึงบ้านแล้ว เพราะอย่างที่ทราบกันนั่นแหล่ะว่า หูน้องตูบนั้นไวกว่าหูคนหลายเท่านัก

  เซ็กซี่เคยมีลูกให้เราครอกหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไม่มีอีก เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนมาไหนนอกบ้าน แต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง ไม่รู้ว่าแอบไปเที่ยวตอนไหน เพราะอีกไม่นานต่อมาก็มีอาการให้เราจับได้ว่า ไปเสียท่ามีเลิฟแอฟแฟร์กับเจ้าตูบหนุ่มขนสั้นหรือขนยาวที่ไหนก็ไม่รู้ พวกเราด้านหนึ่งก็รู้สึกดีใจที่จะมีหลาน แต่อีกด้านหนึ่งก็หนักใจ เพราะตอนนั้นเซ็กซี่อายุประมาณ 13 ปีแล้ว เทียบกับคนก็แก่หง่อม ทำให้เป็นห่วงทั้งตัวเซ็กซี่เองและหลานๆตูบน้อยสี่ขาตอนคลอด

  พวกเราต่างช่วยกันประคบประหงมดูแลกันอย่างดี จำนวนลูกชิ้นปิ้งหลังเลิกเรียนของลูกสาวเพิ่มเป็น 2 เท่า เดือดร้อนเราต้องจัดงบประมาณค่าขนมประจำวันเพิ่มให้

  ...แต่แล้ว...เรื่องร้ายก็เกิดขึ้นก่อนคลอด เมื่อเซ็กซี่หนีเที่ยวอีกครั้ง แล้วกลับมาด้วยอาการสะบักสะบอม สืบภายหลังทราบว่า ถูกคนใจร้ายข้างบ้านฟาดด้วยไม้หน้าสามเข้าที่กลางหลัง

  เซ็กซี่แท้งลูกและตายไปในอีกไม่กี่วันต่อมา โดยที่หมอไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย...

  ตอนที่เซ็กซี่จากเราไปนั้น เป็นเวลากลางวันที่ลูกสาวไปโรงเรียน เย็นนั้นเมื่อทราบว่าเธอจากไปแล้ว ลูกสาวทั้งสองของผมก็จึงได้แต่นำลูกชิ้นปิ้งคนละ 2 ไม้ที่เตรียมมาไปวางไว้บนหลุมศพของน้องตูบเซ็กซี่ที่หลังบ้าน พร้อมคำกระซิบ "กินซะนะ เซ็กซี่" เล่นเอาเราน้ำตาซึมไปเลย แล้วอาการหัวใจสลายของคนรักน้องตูบก็ครอบคลุมบรรยากาศในบ้านเราไปอีกหลายวันทีเดียว...

  ทั้งหมาและคน หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจากไป ผู้ที่อยู่หลังจึงย่อมต้องมีอาการหัวใจสลายเสมอ

  แต่ที่ผมว่าต่างกันคือ น้องตูบนั้นหัวใจสลายแล้วสลายเลย ไม่ยอมไปหานายใหม่ แต่คนมีทางเลือกที่ดีกว่า เพราะส่วนใหญ่ก็มักจะมีน้องตูบตัวใหม่มาแก้อาการหัวใจสลายเสมอ

  แต่เชื่อเถอะครับว่า...แม้หัวใจจะไม่สลายถาวร แต่นึกถึงนังตูบเซ็กซี่เมื่อใด พวกเราก็ใจหายเสมอ แม้จนบัดนี้...

เนื้อหาบทความมาจากหนังสือ คนรักหมา ของ เนชั่นบุ๊ค(Nation Books) แต่งโดย อ.บัญชร ชวาลศิลป์
(เนื้อหามีการดัดแปลงคำและประโยค)

ปลาน้ำจืดไทย ป่าเขา-ทะเลไทย เที่ยวจัง!...ตังค์จะหมดแล้ว...

"ในที่ทำงานสิ่งที่ทำให้บรรยากาศไม่น่าทำงาน และทำให้งานนั้นรู้สึกน่าเบื่อก็คือ พฤติกรรมเห็นแก่ตัวของคนเห็นแก่ตัวที่เข้าใจว่าการกระทำเห็นแก่ตัวนั้นเป็นความฉลาด"