|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
สถิติผู้เข้าชม
|
ขณะนี้มีผู้เข้าใช้
|
5
|
ผู้เข้าชมในวันนี้
|
773
|
ผู้เข้าชมทั้งหมด
|
5,470,049
|
|
|
|
|
21 ธันวาคม 2567
|
อา |
จ. |
อ. |
พ. |
พฤ |
ศ. |
ส. |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
10 |
11 |
12 |
13 |
14 |
15 |
16 |
17 |
18 |
19 |
20 |
21 |
22 |
23 |
24 |
25 |
26 |
27 |
28 |
29 |
30 |
31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ชีวิตมีค่า...ไยฆ่าชีวิต (4)
[28 มกราคม 2554 14:15 น.]จำนวนผู้เข้าชม 6646 คน |
|
การฆ่าตัวตายไม่มีใครได้อะไร ทุกคนคือผู้สูญเสียโดยเฉพาะคนที่รักเรามากที่สุด และทราบว่าเขาต้องสูญเสียเราไป ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรไปขอให้ยั้งคิดสักนิดลองหาวิธีคิด ลองหามุมมอง หาที่ปรึกษา ลองก้าวเดินไปสู่ถนนสายใหม่ที่อาจจะดีกว่า ให้ชีวิตที่มั่นคงกว่า ขอให้เรามั่นใจว่าทางเดินของชีวิตมิได้มีเพียงเส้นเดียว คนที่รักเราก็มิได้มีเพียงคนเดียว
ผิดหวังในความรักแล้วทำลายตนเองถือเป็นความไร้เดียงสาทางอารมณ์ พ่อแม่ผู้ปกครองพึงตรวจสอบระแวดระวังลูกหลานในข้อนี้ โดยเฉพาะวัยรุ่นที่จิตใจวุ่นวาย ต้องให้เขามีเวลาพักใจ มีเวลานิ่งคิด เช่น มีเวลาสวดมนต์ มีโอกาสชมธรรมชาติ ป่าเขา ทะเล ท้องทุ่งนาสีเขียว ของฟ้ากว้าง ภูเขาสูง เพื่อเขาจะได้ปรับเปลี่ยนอารมณ์และฉุกคิดถึงวิธีดำรงชีวิตใหม่ได้
คนที่ตัดสินใจทำลายชีวิตตนเองหรือผู้อื่นส่วนใหญ่มักจะเกิดจากความรัก โลภ โกรธ หลง อิจฉา พยาบาท เมื่อกิเลสเหล่านี้เข้าสิงใจปัญญาจะมืดบอด มักจะทำอะไรอย่างคนตาบอดเดินเปลี่ยวอยู่คนเดียว
ขอให้เราทุกคนหันมาช่วยกันสรรค์สร้างสังคมไทย เริ่มต้นที่ครอบครัว เริ่มต้นที่การอยู่กับธรรมชาติ อยู่อย่างเรียบง่าย พยายามผ่อนคลายการพึ่งพิงเทคโนโลยี เพราะเทคโนโลยีนั้นแม้จะอำนวยความสะดวกให้เราจริง แต่มักจะแฝงความบีบคั้นกดดันเอาไว้ตลอดเวลาเป็นความบีบคั้นสะสมที่เราไม่รู้สึกตัว กว่าจะรู้ตัวบางครั้งก็สายเกินแก้ ขอเชิญชวนทุกท่านได้หันหน้าเข้ามาหาธรรมชาติอันเป็นต้นกำเนิดสัจธรรมของสรรพสิ่งบนพื้นโลก แล้วค่อยมาทำความเข้าใจตนเอง โดยอาศัยหลักของธรรมชาติรอบข้างเรา มองทุกอย่างให้เป็นตัวปัญญาในการดำรงชีวิต เช่น
เห็นคลื่นทะเลเป็นเสมือนคลื่นชีวิต ประหนึ่งอุปสรรคปัญหา แต่ก็เพราะคลื่นนั้นเองที่ส่งเรือให้ถึงฝั่งได้ เหมือนอุปสรรคปัญหาทำให้เรามีปัญญาแกร่งกล้ามากขึ้น
มองเห็นต้นไม้ในฤดูต่าง ๆ ที่มีการผลิดอกออกใบออกผลแล้วก็ร่วงหล่นไป เหมือนชีวิตที่มีการเกิดแก่เจ็บตายเป็นธรรมดา
มองเห็นต้นไม้ใหญ่ยืนอยู่ได้ท่ามกลางลมแรงแดดกล้าเพราะมีรากแก้วที่มั่นคง เหมือนคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง มีกำลังใจที่มุ่งมั่นไม่ย่อท้อ มีความอดทน มีความอดกลั้นย่อมยืนอยู่ได้ท่ามกลางอุปสรรคปัญหาที่รุมเร้า
มองให้เห็นท้องฟ้าที่สดใสในบางครั้ง เหมือนบางคราวใจเราก็สดชื่น บางครั้งที่ใจเราหม่นหมองก็ให้มองเหมือนท้องฟ้าที่มืดมัว เกิดขึ้นสลับหมุนเวียนเปลี่ยนไปเช่นนี้ตามฤดูกาล ธรรมชาติก็มีฤดูกาล ชีวิตก็ย่อยมีฤดูกาลเช่นเดียวกัน
ขอให้เรามองเห็นการเปลี่ยนแปลงของชีวิตเป็นสีสันเป็นสิ่งที่ดีเป็นประโยชน์ในการสร้างสรรค์ อย่ามองเป็นความโศกเศร้าแต่เพียงอย่างเดียว ไม่มีใครได้อะไรสมหวังไปทุกอย่าง ได้บ้างเสียบ้างก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครอิ่มตลอดเวลา หิวบ้าง อิ่มบ้างก็ดีเหมือนกัน เมื่ออิ่มตลอดเวลาจะรู้จักคำว่าหิวได้อย่างไร สุขบ้างทุกข์บ้างก็ดีเหมือนกัน สุขตลอดไม่มีทุกข์ให้เห็นเลย เราจะเข้าใจความทุกข์ได้อย่างไร
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสแสดงเฉพาะทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์และวิธีดับทุกข์เท่านั้น โดยที่พระองค์มิได้ตรัสแสดงถึงสุขเลย เพราะทรงเห็นว่าเมื่อทุกข์ดับสุขก็เกิดเอง เหมือนอิ่มย่อมเกิดขึ้นเองเมื่อหิวแล้วกินอาหารลงไป
คนส่วนมากมักจะมองหาสุขก่อนแต่ไม่พยายามมองหาวิธีเดินไปหาสุขนั้น หรือไม่ก็แสวงหาวิธีการทางลัดหาวิธีง่าย ๆ ได้มาเร็ว ๆ เขาลืมนึกไปว่าอะไรที่มาง่ายมักจะเป็นของปลอมมิใช่ของแท้ เมื่อได้มาง่ายก็หมดง่าย เมื่อสุขง่ายก็ทุกข์ง่าย ของแท้ต้องได้มายาก ได้มาด้วยความเหมาะสมของกาลเวลา เหมือนต้นไม้ใหญ่ย่อมโตช้าซึ่งต่างจากไม้ล้มลุกที่โตเร็ว
เมื่อเราเข้าใจชีวิตได้เช่นนี้แล้วต่อให้มีปัญหารุมเร้าเพียงใด เราก็ยิ้มได้หายใจสะดวก เพราะเรามีวิธีผ่อนคลายจิตใจ มีวิธีปรับอารมณ์ความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา
จึงขอเชิญชวนหนุ่มสาว เยาวชน นักทำงานทั้งหลายได้โปรดหันมาหาตัวเอง หันมาอยู่ใกล้ชิดกับความจริง หันมาดูแลชีวิตตนเอง อย่าฝากจิตใจเอาไว้ให้ใครดูแล อย่าฝากความหวังไว้กับใครอื่นที่เราคิดว่าเขาสมหวัง แท้ที่จริงแล้วมนุษย์ทุกคนไม่มีใครสมหวังอะไรในชีวิต ทุกชีวิตยังหิวกระหาย เพียงแต่เรามองดูเขา คาดหวังจากเขาว่าเขาน่าจะประสบความสุขความสมหวังทุกอย่างในชีวิตแล้ว สุดท้ายเราจึงผิดหวัง
การฝากความหวังไว้กับคนที่ยังไม่สมหวัง เราจะผิดหวังกว่าเขาพันเท่า นี้คือจุดเริ่มต้นแห่งปัญหาทั้งปวงของชีวิต เมื่อได้ชีวิตมาแล้วก็ขอให้เรามาสร้างค่าของชีวิตให้ได้ การสร้างชีวิตให้มีค่าเหมือนการพยายามเขียนสิ่งดี ๆ ลงบนแผ่นกระดาษ ถึงแม้จะเป็นเพียงเศษกระดาษแต่ความหมายบนกระดาษนั้นก็สำคัญกว่า ถึงแม้ตัวชีวิตเราจะเลือกเกิดไม่ได้ ก็ขอให้ภูมิใจในชีวิตให้พอใจที่มีผู้หยิบยื่นชีวิตให้ แล้วหันมาสร้างคุณค่าของชีวิต ให้เราคิดเสมอว่า แม้สัตว์ตัวเล็กน้อยยังกลัวตายทั้ง ๆ ที่ชีวิตของเขาไม่ได้มีค่ามีความหมายอะไร เมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตเรา แต่ทำไมเราเป็นคนเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยสติปัญญา มีกำลังร่างกายดีไม่พิกลพิการ หูไม่หนวกตาไม่บอด ได้รับการศึกษาเล่าเรียนมาดี มีฐานะดี มีตำแหน่งหน้าที่การงานดี จะน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาของชีวิตไปทำไม
ขอให้ถามตัวเองสักนิดหนึ่งก่อนจะคิดทำอะไรที่แลวร้ายลงไปให้ตั้งคำถามเพื่อตั้งสติให้ได้ อย่าปล่อยให้ทุกอย่างโถมทับเข้ามาโดยที่เราไม่คิดจะแก้ไขอะไร
การหวังความช่วยเหลือจากคนอื่นมากจนเกินไปอาจจะเป็นเงื่อนไขให้เราคิดสั้น สติปัญญาของเรามีเอาไว้แก้ปัญหามิใช่มีไว้เพื่อทำมาหากินเพียงอย่างเดียว
สุดยอดของปัญญาก็คือการแก้ปัญหาได้
เราต้องตั้งสติให้ได้ก่อนปัญญาจึงจะเกิด หยุดความคิด หยุดความกังวล หยุดอารมณ์ทุกอย่างให้ได้ รวบรวมกำลังให้เป็นหนึ่งเดียว ให้มีความหนักแน่นมั่นคง ถอนหายใจให้ลึกยาวเข้าไว้ รวบรวมกำลังใจกำลังความคิดทุกอย่างเอาไว้ในขณะจิตเดียวให้ได้
เพื่อเป็นพลังพลานุภาพอันสำคัญไว้ต่อสู้กับอารมณ์หายนะที่อาจจะเข้ามาโฉบฉวยชีวิตเราไป ให้รู้จักตัวชีวิตและเร่งสร้างค่าชีวิตด้วยการสร้างกำลังใจ
อย่าคิดว่ามีเพียงเราคนเดียวอยุ่บนโลกใบนี้ เราต้องให้รางวัลแก่ชีวิตและรางวัลของชีวิตก็มิใช่ทรัพย์สินเงินทองหรือสิ่งอื่นใด หากแต่คือกำลังใจที่เด็ดเดี่ยวแกร่งกล้าในภาวะวิกฤตินั่นเอง
ที่มา : จากหนังสือ "ชีวิตมีค่า...ไยฆ่าชีวิต" โดย ปิยโสภณ |
|
|
|