|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
สถิติผู้เข้าชม
|
ขณะนี้มีผู้เข้าใช้
|
5
|
ผู้เข้าชมในวันนี้
|
776
|
ผู้เข้าชมทั้งหมด
|
5,470,052
|
|
|
|
|
21 ธันวาคม 2567
|
อา |
จ. |
อ. |
พ. |
พฤ |
ศ. |
ส. |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
10 |
11 |
12 |
13 |
14 |
15 |
16 |
17 |
18 |
19 |
20 |
21 |
22 |
23 |
24 |
25 |
26 |
27 |
28 |
29 |
30 |
31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดแห่งการกินผลไม้
[10 มีนาคม 2554 13:53 น.]จำนวนผู้เข้าชม 5965 คน |
|
ว่ากันว่ากินผลไม้ตอนท้องว่างได้ประโยชน์สูงสุด แต่ไม่ควรกินผลไม้พร้อมของกินอย่างอื่นหลังอาหารทันที แต่ควรรอเวลาอย่างน้อย 20 - 30 นาที เพื่อให้ผลไม้ที่กินเข้าไปตกสู่ลำไส้เล็กและดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่
เหตุที่ต้องห้ามกินผลไม้หลังอาหารนั้น เป็นเพราะเมื่ออาหารตกถึงกระเพาะจะใช้เวลาย่อยประมาณ 4 ชั่วโมง หากกินผลไม้ตามลงไปด้วยพร้อมอาหาร จะทำให้กระเพาะเกิดการหมักบูด เกิดแก๊ส ซึ่งมีผลให้เกิดอาการแน่น จุก ไม่สบายท้องได้ โดยรายละเอียดส่วนนี้ตรงกับที่ ดร.เฮอร์เบิร์ต เอ็ม. เชลตัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโภชนาการของสหรัฐอเมริกา ได้บอกเอาไว้ว่า ถ้าเราอยากได้คุณค่าจากผลไม้เต็มที่ก็ต้องกินตอนท้องว่าง ขณะเดียวกันหากใครกินผลไม้ไม่ถูกวิธี แต่ไม่รู้สึกแย่หรือมีอาการใด ๆ แสดงว่าร่างกายคุณปรับตัวได้ดี แต่ก็น่าเสียดายที่จะไม่ได้รับคุณค่าจากผลไม้ได้เท่าที่ควรจะเป็น
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโภชนาการของสหรัฐอเมริกายังแนะนำเพิ่มเติมอีกว่า หากใครกินอาหารแล้วต้องการกินผลไม้ตามต้องเว้นระยะสักพัก หากเป็นอาหารเบา ๆ อย่างสลัดผักสด ให้รอเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ขณะเดียวกันหากอาหารที่กินเป็นอาหารหนัก ประเภทข้าว เนื้อสัตว์ ซึ่งใช้เวลาย่อยนานขึ้น ควรรออย่างน้อย 4 ชั่วโมง ทั้งนี้เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการกินผลไม้หรือดื่มน้ำผลไม้คือช่วงเช้าของทุกวัน ตั้งแต่ตอนตื่นจนถึงเที่ยง เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายสะสมพลังงานไว้เต็มเปี่ยมตลอดคืน ทำให้เวลาตื่นจะเป็นช่วงที่ร่างกายสดชื่นที่สุดจึงไม่ควรจะสูญเสียพลังงานที่มีค่าของวันนี้ไปกับการย่อยอาหารนานจนเกินไป
ที่มา : คอลัมน์ "Food Safety" นิตยสารแม่บ้าน ฉบับ มีนาคม 2554 |
|
|
|