สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 15
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 69
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 5,529,975
กรุณาฝาก Email ของท่าน
  เพื่อรับข่าวสาร ที่น่าสนใจ
6 กุมภาพันธ์ 2568
อา จ. อ. พ. พฤ ศ. ส.
      
10  11  12  13  14  15 
16  17  18  19  20  21  22 
23  24  25  26  27  28   
             
 
ต้อกระจก
[4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]จำนวนผู้เข้าชม 7753 คน

ต้อกระจก

สาเหตุ : เลนส์ตา (Crystalline Lens) เสื่อมสภาพส่วนใหญ่เป็นสองตาแต่ไม่เท่ากันทำให้เกิดเลนส์ตามีลักษณะขุ่น หรืออมน้ำตาลผลทำให้เกิดปัญหาตามัว  ซึ่งอาการตามัวจะมากหรือน้อยขึ้นกับสภาพความเสื่อมของเลนส์ตา

อาการ : ส่วนใหญ่ผู้ป่วยต้อกระจกมีอาการตามัวเหมือนมีหมอกบังหรือการมองเห็นลดลง  ซึ่งต้อกระจกเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะตาบอดในประเทศไทยเป็นอันดับแรก  แต่มีต้อกระจกส่วนน้อยอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นร่วม  เช่น ต้อหิน หรือการอักเสบภายในลูกตา  ทำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้  มีปวดตาและตาแดงอักเสบร่วม ซึ่งต้องรีบทำการรักษา

ปัจจัยเสี่ยง : ต้อกระจกเกิดเร็วและรุนแรง  ได้แก่ อายุมาก  แสงแดด  โรคประจำตัว เช่นเบาหวาน  ภาวะทางโภชนาการหรือการใช้ยาประจำเช่น กลุ่มสเตียรอย์ด การสูบบุหรี่ การอักเสบภายในตา

การป้องกัน : ลดปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้ เช่นรักษาโรคประจำตัวให้ดี และการปฏิบัติตัวเช่น หลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่มสเตียรอย์ดบ่อย งดสูบบุหรี่ หรือ การใส่แว่นกันแดดที่มีคุณภาพดีที่ป้องกัน  UV 100% รวมทั้งรับประทานอาหาร Antioxidant  เช่น แคโรทีน ธาตุสังกะสี หรือ Omega 3

การรักษา : เนื่องจากต้อกระจก เปรียบเสมือนเลนส์ภายในกล้องถ่ายรูปขุ่นมัว แต่ส่วนประกอบอื่นของกล้องปกติ ดังนั้นการรักษา  ต้อกระจก
     1.ไม่ผ่าตัดได้แก่ การใส่แว่นสายตาที่เหมาะสมใช้กรณีต้อกระจกไม่มาก และผู้ป่วยพอใจกับการมองเห็นดังกล่าว ซึ่งเป็นการรักษาที่ดีและปลอดภัย ส่วนยาหยอดตาหรือยารับประทานที่รักษาต้อกระจก ให้หายขาดในปัจจุบันยังไม่มีแต่มีเพียงชะลอไม่ให้รุนแรง
     2.ผ่าตัดลอกต้อกระจกคือผ่าตัดเอาเลนส์ตาขุ่นออกแล้วใส่เลนส์ตาเทียม (IOL) แทนที่เดิม ซึ่งสามารถใช้ได้ตลอดชีวิต วิธีลอกต้อกระจกมี 2 วิธี คือผ่าตัดแผลกว้างและผ่าตัดแผลเล็ก โดยใช้เครื่องสลายต้อ (Ultrasonic) ผลการรักษานี้ดี และมาตรฐาน ถ้าใส่เลนส์แก้วตาเทียมชนิดพับ ชนิด Acrylic ทำให้แผลเล็กมาก และส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องเย็บแผลจึงฟักฟื้นเร็วขึ้น

     ปกติก่อนผ่าตัดจักษุแพทย์จะตรวจประเมินสภาพตาผู้ป่วย เช่น ขยายม่านตาตรวจจอรับภาพ และประสาทตาอย่างละเอียดเพื่ออธิบายผลผ่าตัด และเลือกวิธีที่เหมาะกับผู้ป่วย หลังผ่าตัดผลการมองเห็นจะคงที่ปกติประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยแพทย์จะนัด 2-3 ครั้ง คือ 1 วัน 2 สัปดาห์ และ 1 เดือน หลังผ่าตัดต้อกระจก แล้วจะไม่เป็นต้อกระจกอีก แต่มีผู้ป่วยกลุ่มหนึ่ง อาจมีการมองเห็นลดลงหลังผ่าตัดต้อกระจกไปช่วงเวลาหนึ่ง เช่น 1 ปี ซึ่งเกิดจากถุงหุ้มเลนส์ขุ่นเกิดขึ้น โดยถ้าขุ่นมัวมาก  จักษุแพทย์สามารถแก้ไขให้โดยการใช้แสงเลเซอร์โฟกัสยิงไปบริเวณถุงเลนส์ มีขุ่นออก โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่เจ็บทำเสร็จผู้ป่วยกลับบ้านได้ทันที ผลทำให้การมองเห็นกลับมาชัดเจนเหมือนเดิม แต่ปัจจุบันเลนส์ตาเทียมได้พัฒนาวัสดุรวม ทั้งการออกบบที่ดีมากทำให้ภาวะ ถุงหุ้มเลนส์ขุ่นเกิดขึ้นพบน้อยมาก

     ที่มา : ศูนย์รักษาตา  ท็อปเจริญจักษุ

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]
สาระความรู้ทั่วไปสำหรับเจ้าของน้องตูบ
- อาหารแสลง ที่ควรเลี่ยงเมื่อป่วย [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- พืชขาดธาตุอาหารอะไร ?..ใส่ใจสักนิด... [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- ปวดท้อง...ลางบอกโรคร้ายของคุณ [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำและลดความเสี่ยง จากโรคมะเร็ง [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- ซอสปรุงรส [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- รู้จักไหม?...“ต้นผึ้ง” มีหนึ่งเดียวที่ราชบุรี [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- เลือดจระเข้ [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- การทำน้ำด่าง (อัลคาไลน์) สำหรับดื่มอย่างง่าย [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- กิน ‘สมอ’ ดีเสมอ [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- ปัสสาวะหลวงพ่อ [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
ดูทั้งหมด

Copyright@2010 by www.nongtoob.com All right reserved.
Engine by MAKEWEBEASY