สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 8
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 802
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 5,470,078
กรุณาฝาก Email ของท่าน
  เพื่อรับข่าวสาร ที่น่าสนใจ
21 ธันวาคม 2567
อา จ. อ. พ. พฤ ศ. ส.
10  11  12  13  14 
15  16  17  18  19  20  21 
22  23  24  25  26  27  28 
29  30  31         
             
 
ต้อกระจก
[4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]จำนวนผู้เข้าชม 7690 คน

ต้อกระจก

สาเหตุ : เลนส์ตา (Crystalline Lens) เสื่อมสภาพส่วนใหญ่เป็นสองตาแต่ไม่เท่ากันทำให้เกิดเลนส์ตามีลักษณะขุ่น หรืออมน้ำตาลผลทำให้เกิดปัญหาตามัว  ซึ่งอาการตามัวจะมากหรือน้อยขึ้นกับสภาพความเสื่อมของเลนส์ตา

อาการ : ส่วนใหญ่ผู้ป่วยต้อกระจกมีอาการตามัวเหมือนมีหมอกบังหรือการมองเห็นลดลง  ซึ่งต้อกระจกเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะตาบอดในประเทศไทยเป็นอันดับแรก  แต่มีต้อกระจกส่วนน้อยอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นร่วม  เช่น ต้อหิน หรือการอักเสบภายในลูกตา  ทำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้  มีปวดตาและตาแดงอักเสบร่วม ซึ่งต้องรีบทำการรักษา

ปัจจัยเสี่ยง : ต้อกระจกเกิดเร็วและรุนแรง  ได้แก่ อายุมาก  แสงแดด  โรคประจำตัว เช่นเบาหวาน  ภาวะทางโภชนาการหรือการใช้ยาประจำเช่น กลุ่มสเตียรอย์ด การสูบบุหรี่ การอักเสบภายในตา

การป้องกัน : ลดปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้ เช่นรักษาโรคประจำตัวให้ดี และการปฏิบัติตัวเช่น หลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่มสเตียรอย์ดบ่อย งดสูบบุหรี่ หรือ การใส่แว่นกันแดดที่มีคุณภาพดีที่ป้องกัน  UV 100% รวมทั้งรับประทานอาหาร Antioxidant  เช่น แคโรทีน ธาตุสังกะสี หรือ Omega 3

การรักษา : เนื่องจากต้อกระจก เปรียบเสมือนเลนส์ภายในกล้องถ่ายรูปขุ่นมัว แต่ส่วนประกอบอื่นของกล้องปกติ ดังนั้นการรักษา  ต้อกระจก
     1.ไม่ผ่าตัดได้แก่ การใส่แว่นสายตาที่เหมาะสมใช้กรณีต้อกระจกไม่มาก และผู้ป่วยพอใจกับการมองเห็นดังกล่าว ซึ่งเป็นการรักษาที่ดีและปลอดภัย ส่วนยาหยอดตาหรือยารับประทานที่รักษาต้อกระจก ให้หายขาดในปัจจุบันยังไม่มีแต่มีเพียงชะลอไม่ให้รุนแรง
     2.ผ่าตัดลอกต้อกระจกคือผ่าตัดเอาเลนส์ตาขุ่นออกแล้วใส่เลนส์ตาเทียม (IOL) แทนที่เดิม ซึ่งสามารถใช้ได้ตลอดชีวิต วิธีลอกต้อกระจกมี 2 วิธี คือผ่าตัดแผลกว้างและผ่าตัดแผลเล็ก โดยใช้เครื่องสลายต้อ (Ultrasonic) ผลการรักษานี้ดี และมาตรฐาน ถ้าใส่เลนส์แก้วตาเทียมชนิดพับ ชนิด Acrylic ทำให้แผลเล็กมาก และส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องเย็บแผลจึงฟักฟื้นเร็วขึ้น

     ปกติก่อนผ่าตัดจักษุแพทย์จะตรวจประเมินสภาพตาผู้ป่วย เช่น ขยายม่านตาตรวจจอรับภาพ และประสาทตาอย่างละเอียดเพื่ออธิบายผลผ่าตัด และเลือกวิธีที่เหมาะกับผู้ป่วย หลังผ่าตัดผลการมองเห็นจะคงที่ปกติประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยแพทย์จะนัด 2-3 ครั้ง คือ 1 วัน 2 สัปดาห์ และ 1 เดือน หลังผ่าตัดต้อกระจก แล้วจะไม่เป็นต้อกระจกอีก แต่มีผู้ป่วยกลุ่มหนึ่ง อาจมีการมองเห็นลดลงหลังผ่าตัดต้อกระจกไปช่วงเวลาหนึ่ง เช่น 1 ปี ซึ่งเกิดจากถุงหุ้มเลนส์ขุ่นเกิดขึ้น โดยถ้าขุ่นมัวมาก  จักษุแพทย์สามารถแก้ไขให้โดยการใช้แสงเลเซอร์โฟกัสยิงไปบริเวณถุงเลนส์ มีขุ่นออก โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่เจ็บทำเสร็จผู้ป่วยกลับบ้านได้ทันที ผลทำให้การมองเห็นกลับมาชัดเจนเหมือนเดิม แต่ปัจจุบันเลนส์ตาเทียมได้พัฒนาวัสดุรวม ทั้งการออกบบที่ดีมากทำให้ภาวะ ถุงหุ้มเลนส์ขุ่นเกิดขึ้นพบน้อยมาก

     ที่มา : ศูนย์รักษาตา  ท็อปเจริญจักษุ

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]
สาระความรู้ทั่วไปสำหรับเจ้าของน้องตูบ
- อาหารแสลง ที่ควรเลี่ยงเมื่อป่วย [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- พืชขาดธาตุอาหารอะไร ?..ใส่ใจสักนิด... [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- ปวดท้อง...ลางบอกโรคร้ายของคุณ [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำและลดความเสี่ยง จากโรคมะเร็ง [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- ซอสปรุงรส [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- รู้จักไหม?...“ต้นผึ้ง” มีหนึ่งเดียวที่ราชบุรี [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- เลือดจระเข้ [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- การทำน้ำด่าง (อัลคาไลน์) สำหรับดื่มอย่างง่าย [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- กิน ‘สมอ’ ดีเสมอ [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
- ปัสสาวะหลวงพ่อ [4 ตุลาคม 2553 14:14 น.]
ดูทั้งหมด

Copyright@2010 by www.nongtoob.com All right reserved.
Engine by MAKEWEBEASY