 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
|
สถิติผู้เข้าชม
|
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้
|
5
|
 ผู้เข้าชมในวันนี้
|
44
|
|
ผู้เข้าชมทั้งหมด
|
5,484,970
|
|
|
|
|
|
|
3 มกราคม 2568
|
|
อา |
จ. |
อ. |
พ. |
พฤ |
ศ. |
ส. |
| | | |
1 |
2 |
3 |
4 | |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
10 |
11 | |
12 |
13 |
14 |
15 |
16 |
17 |
18 | |
19 |
20 |
21 |
22 |
23 |
24 |
25 | |
26 |
27 |
28 |
29 |
30 |
31 |
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
น้ำมันปลาดูแลเหงือก
[7 ธันวาคม 2553 08:27 น.]จำนวนผู้เข้าชม 5860 คน |
|
|
คุณค่าน้ำมันปลาไม่ได้มีเพียงแค่บำรุงสมองและหัวใจ เพราะแพทย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์เวาร์ดเผยข้อมูลใหม่ว่า สารอาหารในน้ำมันปลา เช่น กรดไขมันโอเมก้า - 3 ดีเอชเอ (DHA : Docosahexaenoic Acid) และอีพีเอ (EPA : Eicosapentaenoic Acid) นั้นช่วยลดการเกดโรคปริทันต์หรือโรคเหงือกชนิดต่าง ๆ ได้
โดยบริโภคอาหารที่เป็นแหล่งอุดมไปด้วยคุณค่าดี ๆ จากน้ำมันปลา เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาดาบ (swordfish) หรืออาหารที่ให้ประโยชน์เหมือนน้ำมันปลา เช่น ถั่วเปลือกแข็งชนิดต่าง ๆ ให้ได้สัปดาห์ละ 2 มื้อเป็นอย่างต่ำ จะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อดึงคุณประโยชน์ไปใช้ดูแลเหงือกและฟันได้อย่างเต็มที่
ที่มา : คอลัมน์ Health Update จากนิตยสาร Health & Cuisine (ธันวาคม 2553) |
|
|
|
|
