สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 3
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 295
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 5,197,539
กรุณาฝาก Email ของท่าน
  เพื่อรับข่าวสาร ที่น่าสนใจ
19 เมษายน 2567
อา จ. อ. พ. พฤ ศ. ส.
 
10  11  12  13 
14  15  16  17  18  19  20 
21  22  23  24  25  26  27 
28  29  30         
             
 
ปฏิบัติการแปลงโฉม...ด้วยการกิน
[22 มีนาคม 2554 09:43 น.]จำนวนผู้เข้าชม 4871 คน
     คงปฏิเสธไม่ได้ว่าแรงดึงดูดอันดับแรกของคนเรานั้นคือ รูปร่าง - หน้าตา รวมถึงการมีบุคลิกภาพที่ดี ยิ่งหาใครมีผิวพรรณที่ดี เปล่งปลั่ง ไม่เหี่ยวย่นด้วยแล้ว ก็เหมือนกับว่าคนคนนั้นมีออร่าเปล่งประกายให้ใครต่อใครต่างเหลี่ยวมองได้ไม่ยาก แม้ปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายเข้ามาช่วยปรับเปลี่ยนทุกส่วนของร่างกายให้ดีขึ้นในระยะเวลาไม่นาน แต่ก็นั่นล่ะ...ค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปก็มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
     นพ.โกสินทร์ แจ่มเพ็ชรรัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ SKEYNDOR CLINIC, คอลัมนิสต์ของนิตยสารชั้นนำ, ผู้ดำเนินรายการ Thailand Makeover ทางช่อง 5, Living in Shape... " Change Your Life " ทางช่อง 3 ได้บอกถึงการดูแลรักษาผิวพรรณรับลมร้อนแบบถาวรอีกทางหนึ่งว่า คุณประโยชน์ของการกินอาหารต่าง ๆ มีความสำคัญต่อสุขภาพผิวทั้งนั้น
     โดยกลุ่มอาหารที่ให้วิตามินเอ พบได้ในผลไม้สีส้มเหลือง ผลไม้สุก เช่น ฟักทอง แตงโม แคร์รอต มะม่วงสุก รวมทั้งผักอย่างผักบุ้ง  และผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งวิตามินชนิดนี้จะช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขน  ลดการหนาตัวของฟิวหนัง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ได้ และยังเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิวเรื้อรังอีกด้วย
     กลุ่มที่ให้วิตามินบี พบในเนื้อปลา เป็ด ไก่ และธัญพืช อย่างถั่วชนิดต่าง ๆ จะช่วยบำรุงหัวใจ - สมอง และยังมีไขมันจำเป็นที่เสริมสร้างการสร้างพลังงานให้กับเซลล์ผิวอีกด้วย
     กลุ่มที่ให้วิตามินซี พบในผักชนิดต่าง ๆ และผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะขามป้อม ฝรั่ง ส้ม ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนบริเวณผิว และทำให้ผิวทนต่อแสงแดดได้ดีขึ้น ลดปัญหาผิวดำคล้ำ
     กลุ่มที่ให้วิตามินอี พบในจมูกข้าวสาลี ธัญพืช ช่วยเร่งการซ่อมแซมและการหายของแผล
     กลุ่มที่ให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีประโยชน์กับผิว เช่น น้ำมันปลา ให้สารโอเมก้า 3 น้ำมันจากดอกพริมโรส ให้สารโอเมก้า 6 ทำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่น
     น้ำบริสุทธิ์ ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ช่วยให้ผิวได้เก็บกักน้ำไว้บนผิว โดยปกติควรดื่มวันละ 2 ลิตรโดยประมาณ หรือ 6 - 8 แก้วต่อวัน
     ทั้งนี้ลักษณะผิวของคนเราจำแนกได้เป็น 4 ประเภท คือ ผิวธรรมดา ผิวแห้ง ผิวมัน และผิวผสม ซึ่งจะสังเกตได้ง่าย ๆ คือ หลังล้างหน้าแล้วซับให้แห้งเพียง 20 นาที แล้วลองสังเกตน้ำมันที่ออกมาเคลือบผิว หากเป็น "ผิวธรรมดา" จะพบว่าน้ำมันจะออกมาเคลือบกระจายสม่ำเสมอทั่วใบหน้า แต่หากเป็น "ผิวแห้ง" จะพบว่ามีน้ำมันออกมาเคลือบผิวน้อยมาก และยังอาจพบรอยลอกแดงเป็นขุยได้บริเวณโหนกแก้ม ซอกจมูก ขณะที่ "ผิวมัน"  จะมีน้ำมันออกมาเคลือบผิวจำนวนมากทั่วใบหน้า และ "ผิวผสม" จะพบน้ำมันเคลือบผิวเยอะบริเวณทีโซนเท่านั้น ขณะที่บริเวณอื่นของใบหน้าอาจลอกเป็นขุยได้
     "การกินอาหารสำหรับผิวธรรมดาผมขอแนะนำว่า เน้นอาหารที่ให้วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี บวกกับน้ำบริสุทธิ์ ขณะที่ผิวมันจะคล้ายกับผิวธรรมดาคือ ให้เน้นอาหารที่ให้วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี บวกน้ำบริสุทธิ์ โดยเน้นกลุ่มวิตามินเอเป็นพิเศษ เพื่อเร่งการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปและป้องกันการอุดตันของรูขุมขนที่อาจทำให้เกิดสิวได้ง่าย สำหรับผิวแห้ง เน้นอาหารที่ให้วิตามินอี กรดไขมันไม่อิ่มตัว อย่างเช่นน้ำมันปลา น้ำมันดอกพริมโรส กับน้ำบริสุทธิ์ เพื่อให้เซลล์ผิวสร้างน้ำมันมาเคลือบผิวชั้นนอกเอาไว้ สุดท้ายคือผิวผสม ผมแนะนำว่าควรกินอาหารในทุกกลุ่มที่ให้วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี และกรดไขมันไม่อิ่มตัวพอ ๆ กันครับ"
     ส่วนเทคนิคเพิ่มเติมนอกเหนือจากการกินอาหารเพื่อบำรุงผิวให้ดี เต่งตึง ไม่เหี่ยวย่นนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณบอกว่า ควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด จะช่วยให้ผิวได้รับออกซิเจนที่มาตามกระแสเลือดอย่างเพียงพอ ผิวพรรณจึงแลดูสดใส มีชีวิตชีวา และเป็นผิวสีชมพูได้อย่างใจคิด เพราะการออกกำลังกายร่างกายจะสร้างฮอร์โมนแห่งความสุขที่เรียกว่า "เอนโดรฟิน" ทำให้สมองปลอดโปร่งและเป็นตัวต้านความแก่ชราของร่างกายและผิวพรรณได้เป็นอย่างดี
     และท้ายสุดอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นคือ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะแม้เราจะได้รับสารอาหารอย่างพอเพียง แต่ขณะเดียวกันร่างกายก็ไม่สามารถนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ด้วยร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ (ขณะนอนหลับร่างกายจะสร้างฮอร์โมนชนิดหนึ่งชื่อ Growth Hormone ช่วยเร่งการซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ โดยนำสารอาหารที่ได้รับไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การนอนหลับพักผ่อนจึงทำให้ผิวดูสดใสได้เช่นกัน)
     ทั้งนี้ คนไทยส่วนใหญ่ทั้งชายและหญิงมักเป็นผิวผสม 50% อีก 30% เป็นผิวมัน 10% ผิวแห้ง 10% ผิวธรรมดา และด้วยอากาศเมืองไทยหน้าร้อนถึงร้อนมาก จึงทำให้คนทั่วไปต่างกังวลกับเรื่องการดูแลผิวพรรณอย่างมาก ซึ่งเรื่องนี้คุณหมอได้คลายความกังวลให้ฟังว่า
     "คนไทยควรกินอาหารที่ช่วยในการปกป้องผิวจากแสงแดด เพราะหน้าร้อนปัญหาเรื่องผิวพรรณ ผิวหน้า มักหมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ ผิวไหม้แดดได้ง่าย วิธีป้องกันสำหรับเรื่องนี้คือ อย่างแรก ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันรังสียูวีบีที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้า กระ ผิวไหม้แดด และมะเร็งผิวหนัง นอกจากนี้ครีมกันแดดควรมีค่า PA +++ ซึ่งบ่งบอกว่าสามารถป้องกันรังสียูวีเอได้มากกว่า 8 เท่า วิธีป้องกันผิวเหี่ยวย่นแก่ก่อนวัยต่อมาคือ ควรเน้นกินอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เพราะวิตามินซีจะทำให้ผิวทนทานต่อแสงแดดได้เป็นอย่างดี แถมยังป้องกันกระบวนการสร้างเม็ดสีที่มากเกินไปอีกด้วย รวมไปถึงการเร่งกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่บริเวณผิวอีกด้วย โดยอาจเลือกกินน้ำฝรั่ง น้ำแคร์รอต น้ำส้ม น้ำมะนาว หรือแตงโมก็ได้ แต่หากไม่สะดวกอาจเลือกกินวิตามินเสริมก็ได้วันละ 1 - 2 กรัมครับ"
     เห็นแล้วใช่ไหมว่า...การกินอาหารที่ดีมีประโยชน์และถูกต้องเหมาะสมกับตัวเรา ช่วยให้มีผิวพรรณที่ดีขึ้นได้จริง เหมือนที่เขาบอกว่า You are what you eat...

ที่มา : คอลัมน์ "เรื่องพิเศษ" นิตยสารแม่บ้าน ฉบับเดือนมีนาคม 2554 

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]
สาระความรู้ทั่วไปสำหรับเจ้าของน้องตูบ
- อาหารแสลง ที่ควรเลี่ยงเมื่อป่วย [22 มีนาคม 2554 09:43 น.]
- พืชขาดธาตุอาหารอะไร ?..ใส่ใจสักนิด... [22 มีนาคม 2554 09:43 น.]
- ปวดท้อง...ลางบอกโรคร้ายของคุณ [22 มีนาคม 2554 09:43 น.]
- การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำและลดความเสี่ยง จากโรคมะเร็ง [22 มีนาคม 2554 09:43 น.]
- ซอสปรุงรส [22 มีนาคม 2554 09:43 น.]
- รู้จักไหม?...“ต้นผึ้ง” มีหนึ่งเดียวที่ราชบุรี [22 มีนาคม 2554 09:43 น.]
- เลือดจระเข้ [22 มีนาคม 2554 09:43 น.]
- การทำน้ำด่าง (อัลคาไลน์) สำหรับดื่มอย่างง่าย [22 มีนาคม 2554 09:43 น.]
- กิน ‘สมอ’ ดีเสมอ [22 มีนาคม 2554 09:43 น.]
- ปัสสาวะหลวงพ่อ [22 มีนาคม 2554 09:43 น.]
ดูทั้งหมด

Copyright@2010 by www.nongtoob.com All right reserved.
Engine by MAKEWEBEASY