สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 4
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 777
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 5,198,021
กรุณาฝาก Email ของท่าน
  เพื่อรับข่าวสาร ที่น่าสนใจ
19 เมษายน 2567
อา จ. อ. พ. พฤ ศ. ส.
 
10  11  12  13 
14  15  16  17  18  19  20 
21  22  23  24  25  26  27 
28  29  30         
             
 
รักอย่างไรให้ใจสบาย
[27 ธันวาคม 2553 11:02 น.]จำนวนผู้เข้าชม 6225 คน
     
     เพราะรักจึงหวง เพราะรักจึงห่วง เพราะรักจึงจมสู่เหวลึก เพราะรักจึงผูกพัน เพราะรักจึงผูกมัด และขัดแย้งก็เพราะรัก เพราะรักจึงอาลัย โศกเศร้า พิไรรำพันไม่สิ้นสุด เพราะหมดรัก จึงโกรธ เกลียด เคียดแค้นพยาบาท และกลายเป็นอาชญากร
     คำว่า "รัก" คำนี้ ดูจะเป็นคำที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่ ที่สรรพสัตว์ และมนุษย์ต่างใฝ่หา ดิ้นรนค้นคว้า และต้องการเป็นเจ้าของ ต้องการครอบครองยึดไว้เป็นสมบัติส่วนตัว ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่า สิ่งที่ตนกำลังหานั้นคืออะไรกันแน่ ได้ยินเดียงชื่อก็อยากลอง อยากได้ เหมือนเด็กต้องการตุ๊กตา
     ความรัก ดูจะเป็นสิ่งมีชีวิตทุกชนิดถวิลหา บางครั้งถึงกับยอมเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อให้ได้รักนั้นมา ประสบการณ์ชีวิตบอกเราได้ตลอดเวลาว่า เพื่อรัก ไม่ว่ารักนั้นจะเป็นสุขหรือทุกข์ มนุษย์มักเอาชีวิตเข้าแลกเสมอ บางครั้งก็ได้รักมาสมปรารถนา แต่บางคราก็สูญเปล่า และสิ้นหวัง เหลือเพียงรอยร้าวและบาดแผลหัวใจให้ทุกข์ระทม
     การแย่งชิงพื้นที่ความรัก จึงรุนแรงยิ่งกว่าการต่อสู้ใด ๆ ที่มนุษย์เคยต่อสู้กัน ไม่ว่าในสงครามอดีตหรือปัจจุบัน สงครามแบ่งแยกดินแดน หรือสงครามแย่งชิงประชาชนไหนเล่าจะโหดร้ายรุนแรงเท่ากับสงครามแย่งชิงความรัก...สิ่งที่ปราศจากตัวตน แต่มีอานุภาพยิ่งกว่าระเบิดปรมาณู
     การบาดเจ็บจากศึกสงคราม อาจเยียวยาบาดแผลได้ง่าย แต่แผลใจที่เกิดจากความผิดหวังในรัก สุดยากจะเยียวยา สงครามทั่วไป อาจทำได้เพียงแขนขานักรบพืการ แต่สงครามความรัก ทำให้ใจพิการ
     สมรภูมิรบทั่วไป มองเห็นข้าศึกอยู่ตรงข้ามตัวเรา แต่สงครามรักเป็นสงครามใจ สงครามอารมณ์ สงครามความรู้สึก ที่ฝังตัวอยู่ในหัวใจของเราเอง มนุษย์ผู้ยอมเดินเข้าสู่สมรภูมิรัก เหมือนทหารในสมรภูมิรบ ทว่าเขาจะต้องต่อสู้กับตัวเอง อารมณ์ ความคิดให้ได้ มิใช่คนอื่น เขาจะต้องเอาชนะความเกรี้ยวกราดของอารมณ์ภายในใจของตัวเองก่อน มิฉะนั้น จะต้องพ่ายทุกกระบวนท่า ไม่ว่าเขาจะเอาชนะใครต่อใครมากมาย แต่ถ้าเขาพ่ายตนเองเสียแล้ว ชื่อว่าพ่ายทุกสิ่งทุกอย่าง
     เป็นเรื่องน่าคิดว่า การได้ความรักมา ดูเหมือนจะมีความสุข แต่กลับระคนทุกข์ปนเศร้าทุกครั้งไป ยังไม่ต้องพูดถึงกับการที่ต้องพลัดพรากจากกันไปในภายหลัง การพลัดพรากสิ่งที่เราไม่รัก หรือคนที่เราไม่รัก อาจรู้สึกธรรมดา แต่กับคนหรือสิ่งที่เรารักมาก ผูกพันมาก จะปวดร้าวใจยวดยิ่ง
     มีสิ่งใดบ้างเล่าที่มนุษย์ได้มาแล้วจะไม่หลุดมือไป มีบ้างไหมสิ่งที่เราได้มาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง นับประสาอะไรกับสิ่งที่ได้มาภายหลังจากตัวชีวิต แม้ตัวชีวิตแท้ ๆ ที่เราคิดว่าเป็นตัวตนของเรา วันหนึ่งเราต้องวางทิ้งไป นี่เป็นสัจธรรมที่ท้าทายภูมิปัญญาของมนุษย์ยิ่งนัก
     มนุษย์เราถูกความรู้สึกของใจกล่อมให้หลงกับคำว่ารักมานมนาน มนุษย์คิดว่าเมื่อมีรักแล้วจะมีสุข เมื่อมีรักก็จะสมปรารถนา เมื่อมีรัก ไม่ว่าจะแอบรักเขาหรือรู้ว่ามีใครเขาแอบรักเรา หรือรักกันตรง ๆ ก็จะทำให้ชีวิตสมบูรณ์
     ดูเหมือนจะคิดกันว่า ความรักคืออุปกรณ์สำคัญที่จะสามารถอุดรอยรั่วทางความรู้สึกของคนและสัตว์ทุกประเภทได้
     เขาคิดว่า การได้รักใคร หรือหากได้เป็นที่รักของใครแล้ว ชีวิตคงจะมีความสุขมาก เพราะได้เป็นบุคคลพิเศษ ก็เพราะโลกสมมติกันมานานแล้วว่า ความรักคือสวรรค์ของชีวิต เนื่องจากอารมณ์รักวาบหวิวเบาสบาย เป็นเหมือนคนปวดหัวได้ยาพารา เป็นการเสี่ยงภัยเหมือนไต่หน้าผาที่สูงชัน ถึงจะมองเห็นอะไรได้ไกลสุดลูกหูลูกตา เพลิดเพลิน แต่ถ้าพลาดพลัดตก ก็เจ็บหนัก
     ความรักเป็นอารมณ์เหนือความเป็นจริง เหมือนคนกินยาอี ยาบ้า ยาเหล่านี้จะทำให้เขาหลุดไปจากโลกแห่งความจริง เพลิดเพลินเพราะฤทธิ์ยา เมื่อยาหมดฤทธิ์ ก็เหมือนรักที่หมดรส ปัญหาที่มนุษย์ต้องขบคิดคือยาแก้โรครักที่มักกลายเป็นโรคร้าย ปวดหัวธรรมดายังมียาพาราแก้ได้ แต่ปวดหัวใจจะทำกันอย่างไรนี่คือปัญหาที่เกิดแก่คนทุกเพศทุกวัย ไม่เฉพาะแต่วัยรุ่นเป็นปัญหาที่เกิดมาประจำโลก เป็นอารมณ์ที่คนใหม่อยากลอง คนเก่าอยากหลุดไปให้พ้นไกล ๆ หรือที่โบราณพูดว่า คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า
     โดยธรรมชาติ เราคิดว่า การที่มีคนมารักเรา และเราได้รักตอบ หรือการที่เรารักเขา และเขารักเราตอบนั้น เป็นบุญของชีวิต เพราะจะทำให้มีความสุขทั้งสองฝ่าย ความคิดนี้ถูกต้อง แต่ความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของมนุษย์พลิกผันมาก อารมณ์รักเป็นอารมณ์ที่ต้องต่อรองกันตลอดเวลา ต้องดูแลควบคุมเอาใจใส่อย่างพิถีพิถัน
     ความหึงหวงทวงความเป็นเจ้าของ แอบซ่อนอยู่ในคนทุกคนที่ใฝ่คิดรัก ทุกครั้งที่เราคิดว่าเรารักเขา จึงหมายถึงการจับจองเป็นเจ้าของคนนั้น เขาลืมนึกไปว่าการแสดงความเป็นเจ้าของนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ของบางอย่างอาจมีคนมากกว่าหนึ่งต้องการเป็นเจ้าของ คนจึงสมหวังบ้างผิดหวังบ้างกับสิ่งที่แสดงความเป็นเจ้าของนั้น มีไม่น้อยที่ไม่มีใครตอบรับรักกลับมาเลย และนี่คือปัญหาใหญ่ของมนุษย์ที่ตั้งความหวังแต่ไม่สมหวัง
     ทุกครั้งที่เราฝากความหวังไว้กับใคร เราก็มักคิดว่าเขาคือผู้จะทำให้เราสมหวัง แต่บางทีตัวผู้นั้นก็ยังไม่สมหวังในชีวิต การฝากความหวังไว้กับคนที่ไม่สมหวัง จะผิดหวังยิ่งกว่าเขา
     มีไม่น้อยที่ไม่รักแต่หนีไม่ได้ นี่ก้ยิ่งเป็นทุกข์หนัก มนุษย์ลืมคิดไปว่า ทุกครั้งที่เริ่มรัก หรือเริ่มถูกรัก นั่นคือการเริ่มถูกรัด การถูกรัก บางครั้งจึงไม่ต่างจากการถูกรัดจนหายใจไม่ออก การผูกมัด แตกต่างจากการผูกพันสิ้นเชิง
     ความรัก แตกต่างจากความใคร่ เพราะเมตตา กับราคะเป็นอารมณ์คนละอย่าง มนุษย์แสวงหาความรัก แต่น่าประหลาดที่ได้ความใคร่กลับมาแทนทุกครั้ง สุดท้ายจึงให้ความหมายความใคร่เป็นความรัก ความรักอยู่ที่ใจ ส่วนความใคร่เกิดทางกาย
     เพราะเข้าใจผิดอย่างนี้ ทุกขณะที่ถูกรัก เราจึงถูกรัดที่คอทันที การถูกรักจึงเป็นเสมือนหนึ่งก้าวเท้าเข้าสู่กรงขัง เป็นกรงขังทางความคิดที่พยายามจะแปรนามธรรมให้เป็นรูปธรรม
     ทำไมจึงพูดเช่นนั้น เพราะเมื่อรักหรือถูกรัก ความคิดของท่านจะถูกตีกรอบทันที ความรู้สึกทางอารมณ์จะถูกผูกมัดไว้ ณ ที่เดียว คนเดียว สิ่งเดียว สุดท้ายก็มักเป็นลุ่มหลง หึงหวง ทวงสิทธิ์ ริษยา อิจฉา ไม่ไว้ใจกัน สุดท้ายความระแวง สงสัย ก็ตามมา เป็นความหลงที่วกวนหาเงื่อนงำไม่พบ
     เมื่อหลง มนุษย์ก็เริ่มขาดสติ เมื่อขาดสติ ก็เริ่มขาดเหตุผล เมื่อขาดเหตุผลก็จะหาเหตุผลเข้าข้างตนเอง เมื่อเห็นตนเองเป็นใหญ่ ความเห็นแก่ตัวก็เกิด สุดท้ายก็มักจะมองต่างมุมกันตลอดเวลา เธอว่าเหนือ ฉันต้องว่าใต้ ถ้าเธอบอกถูก ฉันต้องแย้งว่าผิด แม้จะมีเหตุผลใดก็ตาม
     จากที่เคยมองตามความเป็นจริง ก็มองตามที่ถูกกำหนด อารมณ์รักที่มนุษย์สร้างขึ้น ได้กำหนดให้มนุษย์อยู่ในกรงขัง และเริ่มคิดแบบฝืนความรู้สึกเดิม ๆ ของตนเองทุกครั้งไป และสุดท้าย ทุกคนก็ต้องดิ้นรน แสวงหาทางออกจากกรงขังนั้นให้ได้ บางคนก็อาจพบกรงหลายชั้น ออกจากชั้นในก็มาเจอชั้นนอกและชั้นนอกต่อไปอีก เพราะกรงชีวิต ลิขิตด้วยโมหะมาตลอดเวลา
     บางคนก็พบทาง บางคนก็มืดบอด บางทีพอจะพบทางออกก็ต้องเริ่มต้นเดินเข้ากรงขังความคิดใหม่อีก
     เพราะมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย สัตว์ทุกชนิดทุกประเภท คิดว่า ความรักเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ ความรักเป็นสิ่งที่มีพลังมหึมา ความรักเป็นที่สุดแห่งความปรารถนาเช่นนี้ จึงต่างทุ่มเทชีวิต เพื่อแลกกับรักที่สังเวยรักด้วยชีวิตก็มีให้เห็นดาดดื่น
     ความรัก เป็นเรื่องแปลกประหลาด ยิ่งมนุษย์แสวงหา ก็ยิ่งห่างไกลออกไป ยิ่งเรียกร้องเขายิ่งหมดหวัง ยิ่งทวง ยิ่งหาย ยิ่งครอบครอง ยิ่งสลัดเราออกไป ความรักเป็นสิ่งอาถรรพณ์ เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับหนึ่งที่โลกยังไม่เคยอธิบายความหมายที่แท้จริงได้ ความรักได้แปลงกายแสดงอานุภาพต่อโลกหลากหลายรูปแบบ จนกระทั่งไม่รู้ว่าจะจำกัดความว่าอย่างไร
     ความรักจึงไม่ต่างอะไรกับภาพเขียน ซึ่งขึ้นอยู่กับจินตนาการของจิตกรเอกจะใส่ภาพลงบนกระดาษ เหมือนกับนวนิยายที่ขึ้นอยู่กับจินตกวี นักประพันธ์ ความรักไม่ต่างอะไรกับนกป่า ถ้าเราเฝ้าจับ ก็จะบินหนี แต่ถ้าเราให้อาหารตามธรรมชาติ กระทั่งคุ้นเคย เขาก็จะวิ่งมาหาเราเอง
     ความรักเป็นเสรีภาพทางความคิด แต่ที่มนุษย์มีความผิดคือนำเสรีภาพทางความคิด มาเป็นเสรีภาพทางรูปธรรม ความรักเป็นเรื่องของนามธรรมที่ไร้รูปลักษณ์ อยู่ในจินตนาการของปัจเจกชน แต่ความผิดมหันต์ของมนุษย์ อยู่ที่พยายามนำนามธรรมมาปั้นแต่งให้เป็นรูปธรรม เมื่อเกิดรูปก็เกิดความขัดแย้งและแย่งชิง ความงามของคน ๆ หนึ่ง อาจเป็นความขี้เหร่ของอีกคน ความดีของสังคมหนึ่ง อาจเป็นบทบัญญัติที่สังคมหนึ่งยอมรับไม่ได้
     เพราะมนุษย์เปลี่ยนแปลงนามธรรมให้เป็นรูปธรรม ความรักจึงถูกวางความสำคัญไปที่ความใคร่ ความรักเปลี่ยนเป็นความใคร่ ทำให้นามธรรม เปลี่ยนเป็นรูปธรรม เมื่อเป็นรูปธรรม ก็เดินเข้าหากฎแห่งไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทันที
     ความงามที่เป็นความคิด หากเป็นเพียงจินตนาการ ก็ไม่มีใครจะตำหนิใคร แต่ที่เกิดความขัดแย้งว่างามหรือไม่งาม ก็เพราะสัตว์โลกในจินตนาการอันงดงามนั้นมาปั้นเป็นตัวตน
     เมื่อมนุษย์มีความชอบความชังแตกต่างกัน ความงามของคนหนึ่งจึงอาจมิใช่ความงามของอีกคน ถ้าเป็นเพียงจินตนาการ ความงามจะเป็นของสากล ไม่ต้องรอคอยคำอธิบายด้วยวาจา กิริยา ท่าทาง รูปลักษณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น
     ความรัก มิใช่วัตถุสิ่งของ แต่ความรักเป็นอารมณ์ของใจ ความรักมิใช่สิ่งสัมผัสด้วยมือ แต่ความรักใช้ใจสัมผัสใจ
     ความละเอียดของรัก ต้องรอคอยจิตใจที่ละเอียดมารับสัมผัส ภาษากิริยาของมนุษย์อาจเป็นสิ่งหยาบกระด้างเกินไปที่บรรยายหรือขยายความของคำว่ารัก
     ความรัก เป็นสิ่งที่ไม่มีคำบรรยาย แต่น่าอัศจรรย์กับความพยายามของมนุษย์ที่ทุกชาติ ทุกภาษา ตะเกียกตะกาย หาภาษามาบรรยายจินตนาการนั้น
     เนื่องจากความสามารถทางภาษาไม่พอ หรือไม่มีภาษาใดในโลกจะบรรยายความหมายแห่งรักที่เป็นอารมณ์ของใจได้ ความผิดพลาดจึงเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า และเป็นความผิดพลาดที่สร้างภพสร้างชาติตลอดเวลา
     จากชีวิต สู่ชีวิต จากอดีต สู่ปัจจุบัน สู่อนาคต แล้วก็หมุนกลับมาเป็นสังสารวัฎแห่งวงจรกิเลส กรรม วิบาก ซึ่งมีราคะ โลภะ โทสะ โมหะ เป็นตัวเพาะเชื้อ
     ทำไมหรือจึงผิดพลาด ก็เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยพยายามจะดำเนินชีวิตรักตามที่กำหนดกันขึ้นมาด้วยภาษา ในที่สุดก็ล้มเหลวและเกิดความขัดแย้งในตัวเอง ความไม่สมหวังจึงเกิดขึ้น
     เขาอาจลืมไปว่า ความรักเป็นภาษาใจ เป็นเรื่องของจินตนาการ มิใช่เรื่องที่นำลงมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ที่เราเห็นรักอมตะ ล้วนแต่เป็นรักที่มิได้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงของรูปธรรมทั้งสิ้น
     ถามว่ารักไม่สมหวังคืออะไร คำตอบคือ รักที่หวังผลในการครอบครอง รักที่หวังผลในการผูกมัด รักที่แสดงความเป็นเจ้าของ รักที่แสดงออกมาเป็นความใคร่ เป็นกาม เป็นราคะ มิใช่รัก แบบเมตตา
     น่าคิดว่า เมื่อมนุษย์นำจินตนาการมาเป็นความจริง มนุษย์จะมีสมหวังและผิดหวังในอารมณ์รัก น่าคิดว่า ทุกครั้งที่มนุษย์แสวงหาความรัก กลับไปพบแต่ความใคร่ เพราะคิดว่า ความใคร่คือสัญลักษณ์ของความรัก ความใคร่คือตัวตนอันแท้จริงของความรัก มนุษย์จึงผิดหวังเพราะรัก มนุษย์ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ต้องสร้างสัมมาทิฐิต่อคำว่ารัก ให้มองเห็นรักเป็นแมตตา มิใช่ราคะ เมตตาเป็นอารมณ์เย็น แต่ราคะเป็นอารมณ์ร้อน เมตตาเป็นรักที่ไร้การผูกรัด แต่ราคะเป็นรักที่เจือใคร่
     ความใคร่ คือ บ่วงชีวิต ความใคร่คือเครื่องผูกมัดมือมนุษย์ไว้ เมื่อมนุษย์คิดว่าความรักกับความใคร่เป็นสิ่งเดียวกัน เป็นอันเดียวกันเสียแล้ว ปัญหาในการแสวงหาจึงเกิดตามมาไม่สิ้นสุด เพราะยิ่งแก้ปัญหา ก็ยิ่งเกิดปัญหา เพราะมนุษย์ใช้ปัญหามาแก้ปัญหา เพียงแต่คิดว่าตนเองใช้ปัญญา ซึ่งความจริงไม่ใช่การพยายามแก้ปัญหาจึงเป็นการสร้างปัญหาใหม่ตามมาทุกครั้งไป
     ในความเป็นจริง ความรักเกิดที่ใจ แต่ความใคร่เกิดที่กาย ความรักเป็นอารมณ์ของใจ ความใคร่เป็นอารมณ์ของกาย กาย วาจา มีระบบ ระเบียบ กฎเกณฑ์บังคับด้วยคนอื่น หรือสังคม แต่ใจล้วน ๆ มีเสรีภาพทางความคิด ต้องดูแลตนเอง นี่แหละคือข้อที่พระพุทธองค์ตรัสสอนว่า ตนเป็นที่พึ่งของตน ตนเป็นคติของตนจึงเตือนตนด้วยตน
     ถูกผิดดีชั่วตนเองเป็นผู้วินิจฉัย ไม่ต้องรอคอยให้ใครฟ้องร้อง พิพากษา ตัดสินลงโทษ ถ้าจะติดคุก ก็ติดคุกความคิด ซึ่งจะต้องหาทางออกด้วยสติปัญญา คือวิธีคิดที่แยบคาย คุกความคิดติดได้แม้จะอยู่ในคฤหาสถ์หลังงาม แต่คุกทางกายมีเรือนจำจริงให้นอน เรือนจำใจ อาจเป็นเคหสถานอันตระการตา ที่คนบางพวกคิดว่าเป็นสวรรค์ ขณะที่ผู้อยู่กลับคิดว่าเป็นนรกอันโหดร้าย สิ่งเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นอารมณ์ของใจและวิธีคิดทั้งสิ้น
     ความจริงศีลธรรมของใจก็มีไม่ต่างจากศีลธรรมของกาย ศีลธรรมของความคิดก็มีเหมือนศีลธรรมของกาย ไม่มีอะไรต่างกัน เพียงแต่เมื่อคิดอย่างเดียวไม่ได้กระทำผิด ก็เป็นความผิดเฉพาะตัวไป ซึ่งเป็นความผิดที่ละเอียดกว่า กรุ่นทุกข์มากกว่า แต่เมื่อใดลงมือทำ พูดออกมาปัญหาทางสังคมก็จะเกิดขึ้น ถูกหรือผิด กลับอยู่ที่การตัดสินของคนอื่นเป็นหลัก มิใช่ที่ตัวเราคนเดียว
     โลกแห่งความคิด เป็นใหญ่ที่สุด เราสามารถเป็นนายหรือเลือกเป็นทาสในตัวเราเองได้ในขณะคิด
     ความรักเป็นโลกแห้งความคิด ถ้าไม่ต้องการถูกผิดออกมาข้างนอก เราอาจคิดไว้เพียงในใจ ความรักเป็นโลกแห่งจินตนาการ หากปรารถนาแรงดลบันดาลอย่างดึงจินตนาการมาสู่ความจริง
     ความรักเปรียบเสมือนปลากับน้ำ คนไม่น้อยที่รักปลาด้วยวิธีนำปลาขึ้นจากน้ำ คนไม่น้อยต้องการความสุขในจินตนาการ แต่พยายามทำจินตนาการของตนให้เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง สุดท้ายสิ่งที่ปรากฎ จึงหนีไม่พ้นกฎแห่งธรรมชาติที่ชื่ออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
     ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงเป็นทุกข์เพราะรัก

ที่มา : จากหนังสือ "รักอย่างไรให้ใจสบาย" โดย ปิยโสภณ - วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]
สาระความรู้ทั่วไปสำหรับเจ้าของน้องตูบ
- อาหารแสลง ที่ควรเลี่ยงเมื่อป่วย [27 ธันวาคม 2553 11:02 น.]
- พืชขาดธาตุอาหารอะไร ?..ใส่ใจสักนิด... [27 ธันวาคม 2553 11:02 น.]
- ปวดท้อง...ลางบอกโรคร้ายของคุณ [27 ธันวาคม 2553 11:02 น.]
- การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำและลดความเสี่ยง จากโรคมะเร็ง [27 ธันวาคม 2553 11:02 น.]
- ซอสปรุงรส [27 ธันวาคม 2553 11:02 น.]
- รู้จักไหม?...“ต้นผึ้ง” มีหนึ่งเดียวที่ราชบุรี [27 ธันวาคม 2553 11:02 น.]
- เลือดจระเข้ [27 ธันวาคม 2553 11:02 น.]
- การทำน้ำด่าง (อัลคาไลน์) สำหรับดื่มอย่างง่าย [27 ธันวาคม 2553 11:02 น.]
- กิน ‘สมอ’ ดีเสมอ [27 ธันวาคม 2553 11:02 น.]
- ปัสสาวะหลวงพ่อ [27 ธันวาคม 2553 11:02 น.]
ดูทั้งหมด

ความคิดเห็นที่ 1
I loved that this celine outlet came to me from across the oceans,goyard outlet that she had a history.Giuseppe Zanotti Who was the lady in Japan who carried her? Was the she a valentino replica from a lover,gucci replica acquire that most unbecoming smell.At valentino outlet online , handbags are king.valentino outlet store The brand might now make full lines of ready-to-wear,valentino outlet outerwear, valentino online , accessories and jewelry.

But if the true religion outlet are selling, none of that other stuff really matters. With the new true religion outlet online that debuted as true religion outlet store part of the brand's Fall true religion jeans collection this morning,true religion jeans outlet that shouldn't be a problem.cheap true religion Many of the new true religion replica in this collection were petite trunks,true religion outlet online store some of which were customizable;true religion replica jeans they looked like they'd be perfect

Moncler CLEARANCE instead of something that someone might actually carry. Moncler doudoune ardent fans have long collected the moncler outlet online store trunks to display in their homes,moncler outlet I can see the Instagrams now.The functional moncler factory outlet were also a treat.moncler outlet online and although the stone-studded ones were a moncler replica for my taste, the rest of the group more than made up for it.moncler outlet store A particular favorite was the white Alma,chanel replica for which the brand is known.www.truereligionoutlets.net/
ชื่อ : gucci   E-mail : WQM@163.COM    วันที่ : 2 ธันวาคม 2558 09:29 น.
IP : 103.233.80.XXX

  แสดงความคิดเห็น

ตัวหนา ตัวเอียง ตัวขีดเส้นใต้ ตัวขีดกลาง ชิดซ้าย กึ่งกลาง ชิดขวา รูปภาพ ลิ้งก์ ขนาดต้วอักษร สีต้วอักษร

ชื่อ: *
E-mail : *
ไม่ต้องการแสดง Email
รหัสตรวจสอบ : Security Image
* กรุณากรอกรหัสที่อยู่ในรูป

Copyright@2010 by www.nongtoob.com All right reserved.
Engine by MAKEWEBEASY