สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 8
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 786
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 5,480,949
กรุณาฝาก Email ของท่าน
  เพื่อรับข่าวสาร ที่น่าสนใจ
30 ธันวาคม 2567
อา จ. อ. พ. พฤ ศ. ส.
10  11  12  13  14 
15  16  17  18  19  20  21 
22  23  24  25  26  27  28 
29  30  31         
             
 
สังเกตสัญญาณเตือนภัยสุขภาพด้วยวิธีง่าย ๆ
[3 พฤษภาคม 2554 13:49 น.]จำนวนผู้เข้าชม 14875 คน



     เชื่อหรือไม่ว่า ก่อนที่เราจะป่วยหนักถึงขั้นต้องไปพบแพทย์ ร่างกายพยายามบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าอวัยวะสำคัญภายในร่างกาย เช่น ปอด ตับ ไต และกระเพาะกำลังทำงานผิดปกติ โดยจะแสดงอาการออกมาในรูปแบบที่หลากหลาย และนี่คือวิธีสังเกตเพื่อให้คุณรู้ทันสัญญาณของร่างกาย

มองตาก็รู้ว่าตับเริ่มอ่อนแอ
-  มีก้อนไขมันสีขาวหรือเหลืองคล้ายสิวตรงเปลือกตา
     การมีก้อนไขมันบริเวณเปลือกตาแสดงว่าภายในร่างกายมีไขมันในเลือดสูงมากจนตับไม่สามารถกำจัดได้หมด ถึงแม้คุณไม่อ้วนเลยก็ตาม ไขมันส่วนเกินจึงปรากฎให้เห็นบริเวณดังกล่าว แต่ไม่รู้สึกเจ็บ บางรายอาจมีจุดสีเหลืองเล็ก ๆ กระจายข้างในเปลือกตาด้วย หากปล่อยทิ้งไว้ มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคไขมันเกาะตับหรือภาวะที่มีไตรกลีเซอไรด์สะสมภายในเซลล์ตับ หากมีอาการอักเสบร่วมด้วยอาจนำไปสู่โรคตับแข็งได้ นอกจากนี้ยังต้องระวังโรคเบาหวานอีกด้วย
     สำหรับวิธีดูแลตนเองในเบื้องต้น ต้องลดการบริโภคแป้ง ของทอด และของหวานลง หันมาบริโภคปลา อาหารนึ่ง ผักและผลไม้แทน แต่ถ้าก้อนไขมันยังไม่หายหรือเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุ 40 ขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์

-  ขี้ตาแฉะหลังจากตื่นนอนตอนเช้า
     สันนิษฐานว่ากำลังร้อนใน ความจริงแล้วอาการร้อนในมีอยู่หลายลักษณะ เช่น ปากเป็นแผล ท้องผูก ถ่ายลำบาก และครั่นเนื้อครั่นตัว แต่ถ้ามีขี้ตาแฉะมาก แสดงว่าตับของคุณกำลังร้อนเกินไป ตามปกติแล้วความร้อนในร่างกายเกิดจากการเผาผลาญอาหารที่กล้ามเนื้อและตับ ดังนั้นเลือดซึ่งอยุ่ในตับจึงร้อนกว่าอวัยวะอื่น ๆ หากเรารับประทานไขมันและน้ำตาลเข้าไปมาก ๆ จะยิ่งเป็นการเพิ่มอุณหภูมิในเลือดให้สูงขึ้น จนแสดงออกมาเป็นอาการดังกล่าว
     เราสามารถช่วยตับลดความร้อนโดยการรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็น เช่น กล้วย ถั่วเขียว เต้าหู้ แตงกวา ส้ม สาลี่ ฟักทอง แตงโม มะเขือเทศ ขึ้นฉ่าย สับปะรด ผักกาดหอม ฟัก น้ำมะพร้าว และน้ำเก๊กฮวยต้มแบบเข้มข้น พร้อมกับหลีกเลี่ยงข้าวเหนียว พริก ขิง กระเทียม ลำไย ทุเรียน อาหารทอด ย่าง และรมควัน

-  ขอบตาดำคล้ำ
     การที่ขอบตาดำอาจเป็นเพราะมีสารพิษ เช่น แอลกอฮอล์ สารกันบูด สารปรุงรส ยาฆ่าแมลง ฯลฯ สะสมอยู่ในตับมากจนกำจัดไม่ทัน สารแปลกปลอมดังกล่าวจึงเข้าไปสะสมจนขัดขวางการไหลเวียนของเลือดบริเวณเบ้าตา นอกจากนี้การบริโภคเนื้อสัตว์ แป้งและน้ำตาลมากไป ยังส่งผลให้เลือดเป็นกรดและมีสีดำคล้ำ พอเลือดไหลเวียนไปยังบริเวณขอบตาจึงทำให้ดำคล้ำได้
     ดังนั้นจึงควรช่วยตับล้างพิษและฟื้นฟูเซลล์ตับด้วยการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยอนุมูลอิสระอย่างวิตามินอี เช่น ถั่วลิสง อัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน ผักคะน้า และผักขม วิตามินซี เช่น ฝรั่ง ส้ม มะนาว มะเขือเทศ และบรอกโคลี และกลูตาไทโอน เช่น ถั่วเหลือง นม ไข่ กระเทียม เห็ด ดอกกะหล่ำ และเนื้อปลา อย่างไรก็ตามควรดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพื่อช่วยร่างกายขับของเสีย ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยตับให้ซ่อมแซมตัวเอง

สังเกตอาการผิดปกติของไตผ่านปัสสาวะ ผม และอาการปวด
-  ปัสสาวะเป็นฟองมากกว่าปกติ
     เวลาที่เราปัสสาวะจะมีฟองสีขาวคล้ายฟองสบู่เกิดขึ้น สักพักแล้วจะหายไป แต่ถ้าฟองนั้นมีปริมาณมาก ไม่ยุบตัว และถ่ายในลักษณะนี้ติดต่อกันหลายวัน แสดงว่าไตเริ่มทำงานมีปัญหา หากปัสสาวะมีสีแดง สีชา หรือสีคล้ายน้ำล้างเนื้อร่วมด้วย ยิ่งเป็นการยืนยันว่าเรามีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นไตอักเสบ มีนิ่วในไต ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หรือมีเนื้องอกในทางเดืนปัสสาวะ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา อาจทำให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรัง จึงควรปรึกษาแพทย์ทันที

-  อย่าละเลยอาการปวดหลัง
     อาการปวดหลังจากการนั่งทำงานนาน ๆ แตกต่างจากอาการปวดในกลุ่มเสี่ยงที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคไตดังนี้ คือ รู้สึกปวดที่เอวหรือชายโครงด้านหลัง มักปวดร้าวไปที่ท้องน้อย ขาอ่อน หัวเหน่า อวัยวะเพศ และอาจมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ไร้เรี่ยวแรง เวียนศรีษะ หน้ามืดตาลาย และเบื่ออาหาร ซึ่งการปวดในบริเวณดังกล่าวอาจเกิดจากการอักเสบที่กรวยไต ซึ่งต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ

-  ผมร่วงมาก ๆ แสดงว่าไตมีปัญหา
     หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เส้นผมร่วงคือ ปัญหาฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ เช่น โรคไทรอยด์เป็นพิษหรือมีฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ รวมถึงการมีฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน) และฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโทรเจน) ที่ไม่สมดุลกัน ซึ่งกระบวนการควบคุมการหลั่งและผลิตฮอร์โมนดังกล่าวอยู่ที่ไตและต่อมหมวกไตนั่นเอง หากระบบดังกล่าวมีปัญหา จะสังเกตได้ว่าผมของเราร่วงมากกว่า 100 เส้นต่อวัน หรือผมหลุดติดมือง่ายเวลาจับหรือดึงเบา ๆ 
     อย่างไรก็ตาม อาจต้องพิจารณาอาการเตือนอื่น ๆ ร่วมด้วย ถึงจะตัดสินได้ว่าเรามีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคไตหรือเปล่า เช่น ลุกขึ้นมาปัสสาวะบ่อยตอนกลางดึก บวมน้ำตามร่างกาย ปวดหลัง ปวดเอว ขาแขนอ่อนแรงหรือเป็นตะคริวบ่อย ซึ่งถ้ามีอาการดังกล่าว ต้องรีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที

กระเพาะอาหารทำให้ลิ้นเป็นฝ้าและการรับรสผิดเพี้ยน
-  ลิ้นเป็นฝ้าสีขาว
     หากปรากฎฝ้าสีขาวเป็นคราบ มีลักษณะเหนียวหนาและลื่นที่ลิ้นอาจมีสาเหตุมาจากระบบการย่อยโปรตีนไม่ดี รวมถึงม้ามทำงานผิดปกติ เพราะมีความเย็นและความชื้นสะสมมากเกินไป บางครั้งอาจทำให้อยากอาเจียนเวลาดื่มน้ำ เหนื่อยง่าย ขี้หนาว รู้สึกมีเสมหะอุดกั้นเวลาหายใจ เนื่องจากรับประทานอาหารซึ่งมีฤทธิ์เย็นติดต่อกันเป็นเวลานาน ดังนั้นการเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายด้วยการดื่มน้ำขิงและกินอาหารรสเผ็ดจะช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้

-  ลิ้นเป็นฝ้าสีเหลือง
     ในทางตรงกันข้าม ถ้าร่างกายมีความร้อนมากเกินจะทำให้กระเพาะอาหารแห้ง ย่อยอาหารไม่ดี ทำให้มีสารพิษตกค้าง เป็นฝ้าสีเหลืองเหนียวที่ลิ้น จึงควรลดการบริโภคอาหารที่เพิ่มอุณหภูมิให้ร่างกาย เช่น อาหารรสจัด หวาน มัน และของทอด ปิ้ง ย่างลง แล้วรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็นมากขึ้น อีกทั้งต้องงดดื่มเหล้า นอนหลับพักผ่อนตั้งแต่หัวค่ำ และงดอาหารมื้อดึก เพื่อช่วยลดความร้อนจากการเผาผลาญ

-  ปากจืดเพราะกระเพาะอาหารเย็นและชื้นเกินไป
     ใครที่ชอบรับประทานไอศกรีม น้ำแข็งใส และสารพัดของเย็นทั้งหลายต้องระวังไว้ เพราะหากความเย็นและความชื้นตกค้างในกระเพาะอาหารมาก ๆ จะส่งผลให้ความรู้สึกในการรับรสอาหารลดลง ปากจืด กินอะไรก็ไม่อร่อย แถมยังกินอาหารแล้วไม่ย่อย ทำให้รู้สึกไม่สบายท้อง ส่วนมากมักพบพร้อมกับอาการลิ้นเป็นฝ้าขาว สำหรับผู้ชายอาจมีอาการอวัยวะเพศไม่แข็งตัวร่วมกับใบหน้าเหลืองซีดร่วมด้วย
     ส่วนวิธีการดูแลตัวเอง นอกจากต้องลดการรับประทานของอร่อยในข้างต้นแล้ว อาจต้องบำรุงกระเพาะด้วยตำรับยาจีนที่ช่วยเพิ่มความร้อนและขจัดความเย็นชื้น หรืออาหารไทย ๆ อย่างแกงส้ม ต้มยำ และต้มโคล้งแทนได้

-  รู้สึกอยากอาหารเนื่องจากกระเพาะอาหารมีความร้อน
     ความร้อนสะสมในประเพาะอาหารมักมีผลจากการกินอาหารรสเผ็ด หวาน มัน และชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก หรือติดต่อกันนาน ๆ ในขณะที่การใช้พลังงานหรือออกกำลังกายไม่เพียงพอ ยิ่งรับประทานตอนดึก ๆ แล้วเข้านอนจะทำให้มีความร้อนสะสมในกระเพาะมากขึ้น พอกระเพาะร้อนเกินไปก็จะทำให้ระบบม้าม ซึ่งทำหน้าที่ย่อยหรือดูดซึมทำงานหนักหรือย่อยอาหารไม่หมด ทำให้เกิดอาการท้องผูก ท้องอืด ขี้ร้อน เหงื่อออกมาก คอแห้ง กระหายน้ำบ่อย ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม ลิ้นเป็นฝ้าเหลือง
     ลักษณะของผู้ที่มีความร้อนในกระเพาะสูงมักจะขี้หงุดหงิด ขี้ร้อน กินเก่ง และหิวเร็ว จึงควรเพิ่มความเย็นให้กระเพาะอาหารเพื่อปรับสมดุลร่างกายและอารมณ์ด้วยการรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็น เน้นผักและผลไม้สดมาก ๆ และงดอาหารมื้อดึก

ผิวไม่สวยต้องโทษปอด
     นอกจากแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อทำหน้าที่หลักในการหายใจ ขับถ่ายสารพิษ เช่น ยาและแอลกอฮอล์ออกจากเลือดแล้ว ปอดยังควบคุมระบบผิวหนังของร่างกายและควบคุมการเปิดปิดรูขุมขนและการหลั่งเหงื่อ ถ้าปอดแข็งแรง ผิวพรรณของเราก็จะสวยงาม เพราะปอดช่วยฟอกเลือดให้สะอาดก่อนส่งมาเลี้ยงผิวให้อ่อนนุ่มชุ่มชื่นและสดใส แต่ถ้ามีสารพิษตกค้างในเลือดมากเกินไปจนทำให้ปอดทำงานหนักและอ่อนแอ ก็จะส่งผลให้ผิวแห้ง หมอง และแพ้ง่าย ดังนั้นจึงต้องช่วยปอดล้างพิษด้วยการดื่มน้ำสะอาด พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่ใส่สารปรุงแต่งต่าง ๆ ให้น้อยที่สุด

     จากอาหารทั้งหมดที่กล่าวมา จะสังเกตได้ว่า ปัจจัยที่ทำให้อวัยวะภายในทำงานผิดปกติจนแสดงอาการออกมาภายนอกร่างกาย ส่วนมากเกิดจากการรับประทานอาหารที่มากหรือน้อยเกินไป รองลงมาคือ ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งถ้าหากเราปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตให้มีความสมดุลมากขึ้น ก็จะช่วยให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรง ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้

ที่มา : นิตยสาร Health & Cuisine ฉบับเดือนพฤษภาคม 2554

 

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]
สาระความรู้ทั่วไปสำหรับเจ้าของน้องตูบ
- อาหารแสลง ที่ควรเลี่ยงเมื่อป่วย [3 พฤษภาคม 2554 13:49 น.]
- พืชขาดธาตุอาหารอะไร ?..ใส่ใจสักนิด... [3 พฤษภาคม 2554 13:49 น.]
- ปวดท้อง...ลางบอกโรคร้ายของคุณ [3 พฤษภาคม 2554 13:49 น.]
- การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำและลดความเสี่ยง จากโรคมะเร็ง [3 พฤษภาคม 2554 13:49 น.]
- ซอสปรุงรส [3 พฤษภาคม 2554 13:49 น.]
- รู้จักไหม?...“ต้นผึ้ง” มีหนึ่งเดียวที่ราชบุรี [3 พฤษภาคม 2554 13:49 น.]
- เลือดจระเข้ [3 พฤษภาคม 2554 13:49 น.]
- การทำน้ำด่าง (อัลคาไลน์) สำหรับดื่มอย่างง่าย [3 พฤษภาคม 2554 13:49 น.]
- กิน ‘สมอ’ ดีเสมอ [3 พฤษภาคม 2554 13:49 น.]
- ปัสสาวะหลวงพ่อ [3 พฤษภาคม 2554 13:49 น.]
ดูทั้งหมด

Copyright@2010 by www.nongtoob.com All right reserved.
Engine by MAKEWEBEASY