คนรักหมาบุกรัฐสภา ร้องออก พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์
กลุ่มคนรักสุนัขในสังคมออนไลน์นัดรวมตัวหน้ารัฐสภา ประณามเหล่าผู้แทนราษฎรเมินปัญหาการทารุณสัตว์ ร้องออก พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ และให้มีการส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ด้วย
วันนี้ (25 เม.ย.) ที่หน้าอาคารรัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีตัวแทนกลุ่มคนรักสุนัขในเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์กเดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณหน้ารัฐสภา เพื่อประณามผู้ที่ทำหน้าที่แทนราษฎรในรัฐสภา ที่ไม่ใส่ใจแก้ไขปัญหาการทารุณกรรมสัตว์ และส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ โดยตัวแทนกลุ่มคนรักสุนัขฯ ได้เรียกร้องให้รัฐสภาออก พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์
เรื่องหมาๆ ถึงนายกฯ
ร้องเรียนยังไงก็ได้แค่อากาศ...การค้าสัตว์ข้ามชาติเป็นที่มาของการสร้างเงินมูลค่านับล้านบาท จากสุนัขสัตว์เลี้ยงเข้าสู่วังวันของสัตว์เศรษฐกิจที่คนใจบาปเห็นค่าของเงินมากกว่าการคำนึงศีลธรรม ให้กินกรวดเพื่อเพิ่มน้ำหนัก เอาน้ำร้อนราดให้รู้ว่าสัตว์แข็งแรง ขนส่งสัตว์อย่างแออัดจนทับกันตาย ทุกอย่างเป็นไปเพื่อการลดต้นทุน เพียงเห็นสำคัญที่เรื่องตัวเงินอย่างเดียว แล้วมันยุติธรรมแล้วหรือกับหมาที่ขึ้นชื่อว่าซื่อสัตย์กับคนเสมอมา
ถ้ากะละมังเฝ้าบ้านได้คงดี
จะว่าไปเหมือนนำหนังเก่าเอามาฉายซ้ำ การเรียกร้องถึงปัญหาการทารุณสัตว์เพื่อให้ออก พ.ร.บ. คุ้มครองสัตว์ และให้มีการส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ด้วย ซึ่งมีให้เห็นกันทุกปี และเป็นอย่างนี้หลายยุคหลายสมัยมาแล้ว
ล่าสุดกลุ่มคนรักสุนัขในสังคมออนไลน์นัดรวมตัวหน้ารัฐสภา ประณามเหล่าผู้แทนราษฎรที่ไม่ใส่ใจแก้ไขปัญหาการทารุณกรรมสัตว์ โดยตัวแทนกลุ่มคนรักสุนัขฯ ได้เรียกร้องให้รัฐสภาออก พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์
“A call for Animal Rights” เป็นคนกลุ่มหนึ่งที่เข้าร่วมเรียกร้องครั้งนี้ โดยโพสต์ข้อความที่หน้าเพจเฟซบุ๊กว่า “ในพรุ่งนี้อีกครั้ง 8.00 โมงเช้า หน้ารัฐสภาที่เดิม อย่าเพิ่งท้อ อย่าเพิ่งเหนื่อย เพราะพวกเราคือความหวังของพวกเค้า (สุนัข) พรุ่งนี้เราต้องไปด้วยกันนะครับ 25 เมษายน 2555 ร่วมกันสร้างชาติ ด้วยคนดีมีเมตตากันเถอะครับ ใส่เสื้อสีขาวนะครับ”
โดยกลุ่มคนรักสุนัขมาพร้อมกับป้ายเรียกร้องซึ่งเขียนข้อความที่อ่านแล้วรู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก...
“ถ้ากะละมังเฝ้าบ้านได้คงดี”
“1 ชีวิต 1 หัวใจ 1 ความเจ็บปวด ถึงเวลาแล้วหรือยังสำหรับกฎหมายคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์”
“ประเทศไทยไม่ใช่แผ่นดินค้าเนื้อสุนัข”
ตามด้วยข้อความที่หยุดให้ฉุกคิด “เขตปลอดภาษี ธุรกิจค้าเนื้อสุนัข เป็นธุรกิจที่มีรายได้นับ 100 ล้านต่อปี โดยที่ไม่ต้องมีการเสียภาษี แม้แต่เพียงบาทเดียว”
เก๋ ชลลดา
การลักลอบค้าสัตว์ข้ามชาติ เรื่องผิดกฎหมายที่มีการทำเป็นขบวนการ และมียอดเงินสะพัดมหาศาลที่ว่านี้กระแสข่าวออกมาเท่าไหร่ก็มีแต่ซาไป โดยไม่มีการปราบปรามให้หมดไปอย่างสิ้นเชิงเสียที
อยู่ในวาระเร่งด่วน หรือแค่เกมการเมือง
ว่ากันตามความจริง หลายต่อหลายครั้งที่กลุ่มคนรักสัตว์รวบรวมรายชื่อไปยืนเรียกร้อง แต่สุดท้ายแล้วก็กลับบ้านมือเปล่า กฎหมายที่พวกเขาผลักดันกลับค้างเติ่งอยู่ในวาระเร่งด่วน
โรเจอร์ โลหะนันท์ นายกสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย กล่าวถึงผู้ที่ไปเรียกร้อง แต่สุดท้ายแล้วไม่มีใครหาคำตอบว่าแท้จริงแล้วได้คำตอบที่ต้องการหรือยัง
“บางครั้งหน่วยงานราชการไม่ได้สนใจหรอก รัฐบาลออกมายืนยันหรือยังว่าจะเอากฎหมายนี้ออกมาพิจารณาเป็นหลัก ที่บอกว่า “ตอนนี้กฎหมายอยู่ในขั้นตอนของรัฐสภา ในวาระเร่งด่วน” แต่จริงๆ มันไม่ใช่ มันเป็นแค่เกมทางการเมือง ถ้าเราไปติดตามดูจริงๆ เราจะทราบว่าลำดับมันอยู่ที่ 17 ตรงนั้นแหละ แล้วรัฐสภาก็เอากฎหมายอื่นที่อยากพิจารณามาแซงหน้าไป”
“รัฐบาลไม่มีความตั้งใจจะเร่งพิจารณา ทั้งรัฐสภายังมองว่ามีกฎหมายอื่นที่สำคัญกว่า” เรื่องของสุนัข จึงเป็นแค่สัตว์ที่รัฐบาลมองว่าไร้ค่า
กลุ่มคนรักสุนัขเรียกร้องหน้ารัฐสภา
ตอนนี้จึงเป็นหน้าที่ของกลุ่ม NGO รวมถึงทางสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทยยังคงกำลังติดตามผลว่า เมื่อไหร่จะออกกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรมเสียที “ผมคิดว่าเขาถ่วงได้นานแค่ไหนก็คงจะถ่วงให้นานที่สุด ตอนนี้สมาคมฯ ก็ยังติดตามอยู่ตลอด” นายกสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย กล่าวทิ้งท้าย
ไทยควรเป็นผู้นำ พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์
“ถามว่าทำไมเป็นดาราอยู่ดีๆ ถึงต้องมายุ่งกับเรื่องนี้ ก็เพราะมันทนไม่ได้แล้วค่ะ” คือความรู้สึกของ “เก๋-ชลลดา เมฆราตรี” ที่มีต่อกระบวนการค้าสุนัขซึ่งดูเหมือนจะไม่จบไม่สิ้นกันเสียที และดูเหมือนจะมีแนวโน้มลักลอบส่งออกนอกประเทศเป็นล็อตๆ ด้วย
ถึงแม้จะเคยมีการทลายคอกพักหมาที่ “ท่าแร่” คอกนรกที่ใหญ่ที่สุดไปเมื่อต้นปี แต่จนถึงวันนี้ก็ดูเหมือนจะไม่มีความคืบหน้าว่าจะมีภาครัฐออกมาช่วยผลักดันอะไร เหลือเพียงภาพติดตา ข้อมูลขั้นตอนฆ่าหมาสุดโหดติดอยู่ในใจใครหลายๆ คน “ต้องต้มน้ำร้อนลวกเป็นๆ เพื่อให้หมาร้องดังมากที่สุด เพราะยิ่งร้องดังเท่าไหร่ก็ยิ่งแสดงว่าหมาแข็งแรง และยิ่งขายได้ราคาแพง” ในฐานะคนรักสัตว์คนหนึ่ง เก๋จึงไม่ทนนิ่งเฉยอีกต่อไป แต่เริ่มเคลื่อนไหวครั้งยิ่งใหญ่... ยื่นจดหมายถึงนายกฯ!
“การยื่นพรบ.คุ้มครองสัตว์ตรงนี้มีการรณรงค์และเดินขบวนกันมากว่า 7 ปีแล้ว แต่ไม่เคยเป็นประเด็นเป็นข่าวได้ แต่พอเก๋เข้ามาทำงานตรงนี้ปุ๊บ มันกลายเป็นประเด็นเป็นข่าวว่า เก๋ยกพลไปบุกสภา แต่จริงๆ แล้วเก๋ไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรงขนาดนั้นเลยค่ะ เราไปอย่างความสงบเพื่อยื่น พรบ.คุ้มครองสัตว์กับท่านนายกรัฐมนตรี แต่ท่านติดภารกิจก็เลยส่งตัวแทนมารับเรื่อง เรายื่นเรื่องเสนอไป 5 ข้อ ซึ่ง 5 ข้อเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง คือคุณต้องเลี้ยงดูหมาให้เขามีที่อยู่อาศัยในขณะที่มีชีวิตอยู่ ถ้าไม่สบายก็ต้องอำนวยความสะดวก ทำให้เขาหายป่วย ไม่ทำให้เขาอึดอัดทุพพลภาพ ไม่ตีไม่ทำร้ายให้ถึงแก่ชีวิต มันเป็นข้อ 5 ข้อง่ายๆ ที่เรายื่นขอไปค่ะ”
“ตอนนี้เราตั้งโครงการ THE VOICE ขึ้นมาด้วย ตั้งใจให้กลุ่มของเราเป็นเสียงแทนสัตว์ต่างๆ ที่เขาพูดไม่ได้ค่ะ อยากเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้มีพรบ.คุ้มครองสัตว์ และอยากให้เกิดบทลงโทษที่น่าเกรงขามไม่ใช่พอจับสุนัข โดยปรับแค่ 500 หรือ 1,000 แล้วก็ปล่อยไป น่าจะมีโทษที่รุนแรงมากขึ้น คนจะได้กลัว ไม่กล้าทำแบบนี้อีก ทุกวันนี้พยายามทำตามจุดประสงค์ 3 อย่างที่ตั้งไว้คือ 1. เรี่ยไรเงินเพื่อช่วยเหลือสัตว์พิการหรือที่ถูกทอดทิ้ง 2.อยากจะเป็นกระบอกเสียงบอกว่า ท่านเลี้ยงหนึ่งชีวิตแล้วเนี่ย เขามีอายุขัย เขาไม่ใช่ตุ๊กตาที่พอเอามาเลี้ยงเล่นๆ พอเบื่อแล้วก็ทิ้ง และ 3. ถ้าคิดจะเลี้ยง คุณต้องมีความรับผิดชอบ ต้องคิดว่าเขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว”
ยังไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศจะเห็นด้วยกับแนวข้อเรียกร้องนี้มากน้อยแค่ไหน แต่ถ้ามีโอกาสได้ฟังประโยคเด็ดๆ ปิดท้ายจากเก๋-ชลลดา บรรทัดถัดจากนี้ รับรองว่าถ้าไม่สะดุ้งก็ต้องสะเทือนแน่นอน
“พรบ.คุ้มครองสัตว์ในอาเซียนยังไม่มีใครทำเลย ทำไมประเทศของเราไม่เป็นชาติแรกล่ะคะที่จะมีตรงนี้ จะได้นำความภาคภูมิใจมาให้ชาวโลกได้เห็นกันว่า เราเป็นประเทศที่มีความเจริญ เพราะประเทศที่มีความเจริญเขาก็มีพรบ.คุ้มครองสัตว์กันทั้งนั้น” แล้วประเทศไทยล่ะ พร้อมจะเจริญบ้างแล้วหรือยัง
เกร็ดความรู้ : 10 จังหวัดค้าสุนัขมากที่สุดในไทย
1.สกลนคร (ต.ท่าแร่)
2.นครพนม
3.กาฬสินธุ์
4.ศรีสะเกษ
5.ขอนแก่น
6.ชัยภูมิ
7.มหาสารคาม
8.ร้อยเอ็ด
9.นครราชสีมา
10.นครสวรรค์
ที่มาของภาพและบทความ:
www.manager.co.th
ปลาน้ำจืดไทย ป่าเขา-ทะเลไทย เที่ยวจัง!...ตังค์จะหมดแล้ว...
|