 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
สถิติผู้เข้าชม
|
ขณะนี้มีผู้เข้าใช้
|
15
|
ผู้เข้าชมในวันนี้
|
982
|
ผู้เข้าชมทั้งหมด
|
5,583,075
|
|
|
|
|
14 มีนาคม 2568
|
อา |
จ. |
อ. |
พ. |
พฤ |
ศ. |
ส. |
| | | | | |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
10 |
11 |
12 |
13 |
14 |
15 |
16 |
17 |
18 |
19 |
20 |
21 |
22 |
23 |
24 |
25 |
26 |
27 |
28 |
29 |
30 |
31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ชมพู่น้ำดอกไม้
[9 มิถุนายน 2554 11:11 น.]จำนวนผู้เข้าชม 6021 คน |
|
ชมพู่น้ำดอกไม้

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Syzygium jambos (L.) Alston
วงศ์ : Myrtaceae
ชื่อสามัญ : Rose Apple
ชื่ออื่น : ฝรั่งน้ำ ชมพู่น้ำ(ใต้) ชมพู่น้ำดอกไม้(ไทย) มะชมพู่ มะน้ำหอม (พายัพ) มะชามุต(น่าน) ยามูปะนาวา(มลายู-ยะลา)
ลักษณะ : เป็นไม้ยืนต้น สูงได้ถึง 10 เมตร ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามรูปขอบขนานแกมใบหอก กว้าง 3 - 4 ซม. 12 - 17 ซม. ดอก ช่อกระจะ ออกที่ปลายกิ่ง ดอกย่อย 3 - 8 ดอก กลีบดอกสีขาวหรือเหลืองอ่อน ฐานรองดอกรูปกรวย เกสรตัวผู้จำนวนมาก ผลเป็นผลสด กินได้ รูปเกือบกลม เส้นผ่าศูนย์ กลาง 5 - 6 ซม. ไม้ยืนต้น สูงได้ถึง 10 เมตร
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
ผล - ใช้ปรุงเป็นยาหอม ชูกำลัง บำรุงหัวใจ แก้ลมปลายไข้
เปลือก, ต้น และเมล็ด - แก้เบาหวานและแก้ท้องเสีย
ประโยชน์ :ใช้ผลปรุงเป็นยาหอม ชูกำลัง บำรุงหัวใจ แก้ลมปลายไข้เปลือก ต้น และเมล็ด แก้เบาหวานและแก้ท้องเสีย
วิธีการปลูก :
การขยายพันธุ์ชมพู่น้ำดอกไม้ ทำได้ 2 วิธี คือ ใช้เมล็ดและกิ่งตอน การปลูก ขุดดินให้ลึก – กว้าง 50 เซนติเมตร แล้วนำเมล็ดหรือกิ่งตอนของชมพู่ลงปลูก เกลี่ยดินกลบ แล้วนำใบตองปิดโคนต้นเพื่อช่วยเก็บความชื้น รดน้ำ 2 วัน /ครั้ง เมื่อปลูกแล้ว ( ถ้าเป็นกิ่งตอน ) ให้ทำไม้ปักยึดผูกกับต้น เพื่อป้องกันการโค่นล้ม โดนลม ป้องกันไม้ให้เฉา ควรปลูกใกล้คลอง เพราะชมพู่น้ำดอกไม้เป็น ไม้ผลที่ชอบน้ำ ชมพู่น้ำดอกไม้จะเริ่มออกผลปลายฤดูหนาว ช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน การดูแลรักษาง่ายไม่ต้องฉีดยาฆ่าแมลง เพียงแต่ห่อผลด้วยถุงพลาสติก เพื่อป้องกันนก กระรอกและแมลงรบกวนเท่านั้น
ชมพู่น้ำดอกไม้ปลูกง่าย โตไวให้ผลได้ใน 2 ปี ลักษณะใบจะเรียวยาวคล้ายใบมะม่วงขนาดเล็ก ผลคล้ายลูกจัน เมื่อสุกมีกลิ่นหอมคล้ายดอกนมแมว ถ้าปลูกไว้ห่างจากบ้านประมาณ 2 เมตร จะได้กลิ่นหอม ผลมีน้ำหนักประมาณ 80 – 100 กรัม ความหวาน 16 องศาบริกซ์ ( หวานกว่าชมพู่ทุกชนิด ) เนื้ออ่อนนุ่มชวนรับประทาน
มีการศึกษาวิจัย พบว่าสารสกัดจากอะซิโตนและน้ำจากเปลือกของต้นชมพู่น้ำดอกไม้(Syzygium jambos ( L. ) Alston แสดงฤทธิ์ต้านเชื้อ Staphylococcus aureus , Yersinia enterocolitica , Staphylococcus hominis , Staphylococcus cohnii และ Staphylococcus warneri โดยสารสำคัญในการแสดงฤทธิ์ดังกล่าวคือ แทนนิน ที่มีปริมาณมากในสารสกัด ( 77% ในสารสกัดจากน้ำและ 83% ในสารสกัดจากอะซิโตน )
ชมพู่น้ำดอกไม้เป็นผลไม้ไทยโบราณที่นับวันจะหายากมากขึ้นเรื่อยๆ ผลสุกมีกลิ่นหอมแบบดอกกุหลาบ โตไวและเลี้ยงง่าย ผลไม้เก่าแก่ชนิดนี้กำลังจะสูญหายไปกับกาลเวลา คงถึงเวลาที่เราต้องเร่งอนุรักษ์กัน เข้ามาเยี่ยมชมและรู้จักกับสมบัติของท้องถิ่นไทยอีกชนิดกันนะ
ต้นไม้ตระกูล "ชมพู่" ในบ้านเรานิยมปลูกกันมีหลากหลายสายพันธุ์ บ้างปลูกประดับเพื่อความสวยงามหรืออนุรักษ์ อย่าง “ชมพู่น้ำดอกไม้” ชื่ออื่นเรียก “ฝรั่งน้ำ” มีถิ่นกำเนิดแถบมลายู เป็นไม้ดั้งเดิมของไทย ข้อดีคือ มีกลิ่นหอม ผลสีสันสวยงาม ปัจจุบันเป็นพรรณไม้หายาก
ถิ่นที่อยู่ : พรรณไม้นี้มักจะขึ้นตามป่าราบทั่ว ๆ ไป และจะมีปลูกกันไว้บ้าง ตามสวน เพื่อกินหรือขายเป็นสินค้าก็ได้
การขยายพันธุ์
1.การเพาะเมล็ด
2.การตอนกิ่ง
ที่มา : http://www.bspwit.ac.th/S-PROJECT/WEB-DESIGN/WEB-DESIGN%202552/Doungjai%20Khamtead/chumpoonamdogmai.html |
|
ความคิดเห็นที่ 1
|
|
ต้องการพันธุ์ชมพู่น้ำดอกไม้ท่านใดมีเมล็ด อยากได้ไว้ปลูกที่บ้าน
นายสุธรรม จันทรัตน์
การไฟฟ้าสงขลา ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา
โทร082-4354479 |
|
ชื่อ :
นายสุธรรม จันทรัตน์ E-mail : choey2500@hotmail.com
วันที่ : 13 มีนาคม 2560 14:28 น.
IP : 202.151.7.XXX
|
|
|