|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
สถิติผู้เข้าชม
|
ขณะนี้มีผู้เข้าใช้
|
13
|
ผู้เข้าชมในวันนี้
|
1,516
|
ผู้เข้าชมทั้งหมด
|
5,450,333
|
|
|
|
|
4 ธันวาคม 2567
|
อา |
จ. |
อ. |
พ. |
พฤ |
ศ. |
ส. |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
10 |
11 |
12 |
13 |
14 |
15 |
16 |
17 |
18 |
19 |
20 |
21 |
22 |
23 |
24 |
25 |
26 |
27 |
28 |
29 |
30 |
31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ทับทิม
[22 พฤศจิกายน 2554 11:15 น.]จำนวนผู้เข้าชม 9480 คน |
|
ทับทิม
พูดถึง "ทับทิม" ผลกลม ๆ เมล็ดสีแดง ๆ เด็กสมัยนี้อาจไม่ค่อยรู้จัก แต่คนรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายรู้จักกันดี โดยเฉพาะชาวจีนซึ่งนิยมนำผลทับทิมมาไหว้พระไหว้เจ้า เพราะเชื่อว่าเป็นผลไม้มงคล เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญงอกงามและความอุดมสมบูรณ์ (อาจเป็นเพราะทับทิมมีเมล็ดมาก มีความสวยงาม และรับประทานได้) จึงมักให้ผลทับทิมเป็นของขวัญแก่บ่าวสาวในพิธีแต่งงาน เพื่อให้มีลูกหลานมาก ๆ และยังเชื่อด้วยว่า ใบและกิ่งทับทิมช่วยขับไล่ภูติผีปีศาจ ดังนั้น จึงมักนิยมปลูกทับทิมไว้ในบริเวณบ้าน
แต่จริง ๆ แล้วทับทิมไม่ได้ในเมืองจีน สันนิษฐานกันว่าต้นกำเนิดของทับทิมนั้นอยู่ในแถบเอเชียตะวันตก หรือดินแดนที่เรียกกันว่าเปอร์เซีย (ปัจจุบันก็คืออิหร่าน) มีมานานหลายพันปีแล้ว เพราะปรากฎในบันทึกมากมายในสมัยนั้น เช่น เทวตำนานกรีก การแพทย์แผนโบราณของอียิปต์ คัมภีร์ไบเบิล เป็นต้น โดยได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรค ในตำรับการแพทย์แผนโบราณของเปอร์เซียระบุว่าทับทิมมีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยฟอกไตและท่อปัสสาวะ ช่วยการทำงานของหัวใจและตับ เป็นยาบำรุงกำลัง ฟอกโลหิต ช่วยในการย่อยอาหาร ขจัดไขมันส่วนเกิน ปรับฮอร์โมนในสตรีวัยทอง ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืม และช่วยให้ผิวพรรณดี
ทั้งนี้ได้มีการศึกษาวิจัยในระยะหลัง ช่วยยืนยันถึงสรรพคุณทางยาของทับทิมไว้มากมาย ได้แก่ ในเปลือกทับทิมมีสารในกลุ่มแทนนินสูง มีสรรพคุณใช้เป็นยาแก้ท้องเดิน โรคบิด ฆ่าเชื้อแบคทีเรียหลายสิบชนิด ลดอาการอักเสบ ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้านและยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิดไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น
การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา พบว่าในน้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด และมีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถลดภาวะการสะสมไขมันในผนังเส้นเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันและแข็งตัว ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดตามมา รวมทั้งทำให้เส้นเลือดที่หนาตัวและมีไขมันสะสมซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดี มีความหนาตัวลดลง และลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย ช่วยบำรุงหัวใจในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด โดยเพิ่มการไหลเวียนที่ดีขึ้น และลดภาวะหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ นอกจากนี้สารจากทับทิมยังช่วยบำรุงตับ มีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับ และยับยั้งเซลล์มะเร็งอีกด้วย รวมถึงมีการทดลองทางเภสัชวิทยา พบว่า เปลือกหุ้มรากทับทิมมีฤทธิ์ในการขับพยาธิตัวตืด นอกจากนี้เปลือกหุ้มรากยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อได้หลายชนิด เช่น เชื้อไทฟอยด์ เชื้อวัณโรค เป็นต้น และยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อราที่ผิวหนังด้วย
ส่วนตำรับการแพทย์แผนไทยได้บอกถึงสรรพคุณของทับทิมว่า
- ใบ มีรสฝาด แก้ท้องร่วง แก้บิดมูก เลือด สมานแผล
- ดอก มีรสฝาดหวาน ต้มดื่มแก้หูชั้นในอักเสบ บดโรยแผลที่มีเลือดออก
- เนื้อ มีรสหวานอมเปรี้ยว เป็นยาระบายอ่อน ๆ บำรุงหัวใจ
- เปลือก มีรสฝาด ต้มดื่มแก้ท้องร่วง แก้บิดมูก เลือด ถ่ายพยาธิ แก้ตกขาว สมานแผล ฆ่าเชื้อโรค
- เปลือกราก ต้มดื่มแก้ระดูขาว แก้ตกเลือด ถ่ายพยาธิ
นอกจากนี้ ทางสมุนไพรของจีนถือว่าทับทิมมีฤทธิ์เย็น รสหวานอมเปรี้ยว จึงช่วยแก้กระหาย ป้องกันโลหิตจาง ระงับกลิ่นปาก ลดไข้ แก้ตาอักเสบ หลอดลมอักเสบ และบำรุงสายตา
ถึงแม้จะรู้กันมาหลายพันปีแล้วว่าทับทิมเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้หลายชนิด แต่ก็ไม่ค่อยมีใครชอบกินทับทิม เหมือนผลไม้อื่น ๆ แค่นำมาใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น อาจเป็นเพราะว่าทับทิมมีเนื้อน้อยก็เป็นได้ บ้านเราจึงไม่ค่อยมีใครปลูกขาย มีแต่ปลูกเป็นไม้ประดับตามบ้าน ทับทิมก็เลยกลายเป็นผลไม้หายาก ค่อนข้างมีราคาแพง แต่ปัจจุบันมีทับทิมจากประเทศจีนส่งเข้ามาขายมาก และมีราคาถูก จึงถือเป็นโอกาสดีของผู้บริโภค แต่ถ้ายังหาซื้อรับประทานลำบากก็น่าจะหาต้นมาปลูกเลยก็ได้ เพราะประโยชน์คุ้มทั้งต้น ใบ ดอก ราก ถ้ารับประทานทีละเม็ดลำบาก ก็นำมาคั้นเป็นน้ำดื่ม ชื่นอกชื่นใจและได้ประโยชน์เช่นเดียวกัน
ที่มา : บ้านมหาดอทคอม |
|
|
|