สาเหตุหลักสำคัญ ในการเกิดภาวะโลหิตจางมี 2 สาเหตุ คือ
• เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดแดงได้ เพราะมีความผิดปกติของอวัยวะที่สร้าง ได้แก่ ไขกระดูก ม้าม
• เกิดจากการถูกทำลาย เช่น การพบเชื้อพยาธิ์ในเม็ดเลือด การเนื้อเนื้องอก ตลอดจนการการทำงานที่บกพร่องของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย |
การเกิดภาวะโลหิตจางที่พบได้บ่อย ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุจากการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก โดยเกิดจากปฏิกิริยา hypersensitivity type2 ที่เกิดจากการจับกันของ antibody และ antigen ร่วมกับการกระตุ้นการทำงานของ complement ทำไห้เกิดการแตกของเม็ดเลือด ทั้งแบบภายใน หลอดเลือดและภายนอกหลอดเลือด
อาการสำคัญที่พบ
คือ ภาวะโลหิตจาง โดยการตรวจเลือดเพื่อหาค่าความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงและค่าฮีโมโกบิลใน เลือด ในภาวะที่ต่ำกว่าปกติ อาจพบการตกตะกอนของเลือดที่เจาะ หรือพบเซลเม็ดเลือดชนิด spherocyte เป็นจำนวนมาก |

ภาพ แสดงถึง Spherocyte ซึ่งเป็นผลผลิต
จากการเก็บกินเม็ดเลือดแดงของ mononuclear cell |
สาเหตุของการเกิด IMHA
แบ่งเป็น Primary IMHA และ Secondary IMHA ดังนี้
• Primary IMHA ภาวะโลหิตจางปฐมภูมิ เกิดจากความผิดปกติโดยมีสาเหตุจากการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันทิ่ผิดปกติเอง โดยไม่มีอะไรไปเหนี่ยวนำให้เกิด ซึ่งจะเป็นผลจากการทำงานของ เซลควบคุมชนิด T cell ผิดปกติไปไม่
• Secondary IMHA ภาวะโลหิตจางทุติยภูมิ เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
• การติดเชื้อในร่างกายเช่นพยาธิเม็ดเลือด พยาธิหัวใจ หรือโรคฉี่หนูก็เหนี่ยวนำให้เกิดการตอบสนองทางระบบ ภูมิคุ้มกันที่มากเกินได้
• ยาบางชนิดมีรายงานว่าเป็นสาเหตุเช่น trimethoprim sulonamide,penicillin, cephalosporin, tetracyclin, insulin และ acetaminophen เป็นต้น
• การให้วัคซีนก็อาจเป็นสาเหตุของโรคได้ ถ้าการกระตุ้นภูมิคุ้มกันมากเกินทำให้สมดุลของการทำลายมากกว่า การยับยั้ง
• โรคทางระบบภูมิคุ้มกันเช่น SLE, Hyperthyroid หรือ การได้รับเลือดผิดกลุ่ม การเกิดภาวะระดับค่าฟอสฟอรัส ในเลือดต่ำแล้วเกิดโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงแตก Hypophosphatemia, microangiopathic hemolytic anemia ที่เกิดจากการบาดเจ็บของเม็ดเลือดแดงจากพยาธิหัวใจ,โรคหัวใจ,หลอดเลือด อักเสบและDIC |
ความแตกต่างของ Primary IMHA และ Secondary IMHA
คือ การตอบสนองต่อการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกันโดย Primary IMHA จะตอบสนองต่อยากดภูมิในขนาดสูงได้ดี แต่ Secondary IMHA นั้นมักไม่ค่อย ตอบสนอง ต่อการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน เพียงอย่างเดียวต้องรักษาสาเหตุหลักด้วย
สัตว์ป่วยมีโอกาสที่จะหายจากการรักษา ที่ 50% และสัตว์ที่รักษาหายแล้วก็มีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ ได้อีกในอัตราค่อนข้างสูง 26-70% โอกาสที่จะเสียชีวิตมากที่สุดอยู่ในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังเริ่มแสดงอาการ โดยเฉพาะถ้าแสดงอาการตัวเหลือง มีจุดเลือดออก ยิ่งมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงขึ้น
แนวทางการรักษา IMHA แบ่งออกเป็น 3 หลักที่ต้องทำควบคู่กันไป
• Immunosuppressive agents การใช้ยากดภูมิต้านทาน มีหลายกลุ่มให้เลือกใช้แต่ที่นิยมคือยาในกลุ่ม steroid เพื่อหวังผลให้ยาออกฤทธิ์ในการกดการทำงานของเเซลล์ที่ผิดปกติ โดยทั่วไปทั่วไปแล้วสัตว์จะตอบสนองต่อยาภายใน 3-5 วันโดยดูจากค่า Hct ให้จนกว่า Hct จะกลับมาอยู่ในระดับปกติและคงที่ไปอย่างน้อย 1-2สัปดาห์แล้วค่อยๆลดขนาดยาลง จนสามารถหยุดการรักษาเมื่อลดระดับจนระดับยาสามารถหยุดการรักษาจะใช้เวลา 2-4 เดือน
• Thromboprophylaxis/Anti-coaglulant therapy การเพิ่มค่าเกล็ดเลือดและการลดการตกตะกอน ในเลือดสาเหตุหลักของการเสียชีวิตคือ Pulmonary thromboembolism (PTE) เกิดการลิ่มเลือดที่หลอดเลือดที่ปอด
• Supportive therapy การรักษาด้วยการบำรุง คือการป้องกันภาวะการขาดออกซิเจน โดยเฉพาะในสัตว์ที่มี ค่าความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงต่ำกว่า 12 - 15% ควรพิจารณาการถ่ายเลือดร่วมกับการให้ออกซิเจน
นอกจากนี้ควรให้สารน้ำทดแทนพื่อรักษาภาวะการขาดน้ำและสภาพ สมดุลของกรด-เบสในกระแสเลือด เพื่อลดผลข้างเคียงจากยากดภูมิคุ้มกัน และควรจำกัดการออกกำลังกายเพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิด ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน |

ภาพ สุนัขในขณะรอการรับเลือดเพื่อแก้ไขภาวะโลหิตจาง |
หากมีข้อสงสัยสอบถามและติดต่อที่ vet4@loxinfo.co.th |
______________________________________________ |
บทความพิเศษจาก โรงพยาบาล สัตว์ สัตวแพทย์ 4 โพลีคลีนิค |
|