  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		| 
			สถิติผู้เข้าชม
		 | 
	 
	
		
			  ขณะนี้มีผู้เข้าใช้
		 | 
		
			13
		 | 
	 
	
		
			  ผู้เข้าชมในวันนี้
		 | 
		
			394
		 | 
	 
	
		
			  ผู้เข้าชมทั้งหมด
		 | 
		
			5,810,612
		 | 
	 
	
	
	
  |  
	 |  
	| 
 |  
 
	
	
		 |  
		
			
				
	
		| 
					4 พฤศจิกายน 2568
				 | 
	 
	
				| 
			อา		 | 
				
			จ.		 | 
				
			อ.		 | 
				
			พ.		 | 
				
			พฤ		 | 
				
			ศ.		 | 
				
			ส.		 | 
			 
	|   |   |   |   |   |   | 						
					1  |  						| 
					2  | 						
					3  | 						
					4  | 						
					5  | 						
					6  | 						
					7  | 						
					8  |  						| 
					9  | 						
					10  | 						
					11  | 						
					12  | 						
					13  | 						
					14  | 						
					15  |  						| 
					16  | 						
					17  | 						
					18  | 						
					19  | 						
					20  | 						
					21  | 						
					22  |  						| 
					23  | 						
					24  | 						
					25  | 						
					26  | 						
					27  | 						
					28  | 						
					29  |  						| 
					30  | 						
					  | 						
					  | 						
					  | 						
					  | 						
					  | 						
					  |   
			 | 
		 
		 |  
	 
	
	
	
		 | 
		
						
				 			
							
		
							
					 
				
					 | 
	 
	
		 | 
	 
	
	
				
	
		
			
				ปีบ
			
			 
			[8 กันยายน 2554  14:51 น.]จำนวนผู้เข้าชม 7143 คน		 | 
	 
	
		| 
					
								 | 
	 
	
		
			ปีบ 
 
  
 
ชื่อวิทยาศาสตร์  :  Millingtonia hortensis L. f. 
ชื่อสามัญ  :  Cork Tree 
ชื่อวงศ์  :  Bignoniaceae 
ชื่ออื่น ๆ  :  ปีบ (ภาคกลาง), กาซะลอง (ภาคเหนือ) 
 
     ปีบพบตามป่าเบญจพรรณของภาคเหนือ ตะวันอกเฉียงเหนือ และตะวันตกของไทย เป็นไม้ต้น สูงได้ถึง 25 เมตร เรือนยอดเป็นรูปไข่โปร่งดูสวยงาม เปลือกต้นขรุขระ แตกเป็นร่อง มีใบประกอบแบบขนนกสองถึงสามชั้น ใบย่อยเป็นรูปรี ปลายแหลม ช่อดอกผลิที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาวเชื่อมติดกันเป็นหลอดยาว ปลายแยกเป็น 5 แฉก มีกลิ่นหอม ผลิบานในช่วงเดือนกันยายนถึงกุมภาพันธ์ ผลเป็นฝักแบนยาว ภายในมีเมล็ดแบน มีปีกจำนวนมาก 
 
วิธีบริโภค 
     ปีบนอกจากเป็นไม้ประดับยอดนิยมของคนไทยแล้ว ยอดอ่อนยังกินเป็นผักได้ แต่ต้องย่างไฟให้หอม หรือนำมาต้มกินเป็นผักกับน้ำพริก ลาบวัว ความ หรือปลา หรืออาหารรสจัดต่าง ๆ มีรสขม 
 
ประโยชน์อื่น ๆ  
     ตามตำรายาพื้นบ้าน รากช่วยบำรุงปอดและรักษาวัณโรค ใบตากแห้งใช้มวนบุหรี่ ดอกใช้เป็นสมุนไพรรักษาริดสีดวงจมูกและโรคหืด โดยนำมาตากแห้ง สุมไฟและสูดดมไอ ใช้เป็นส่วนผสมในยาหอม หรือนำมาต้มน้ำอื่มแก้ไอ 
 
ที่มา  :  หนังสือ "ผักพื้นบ้าน 1" โดย อุไร จิรมงคลการ		 | 
	 
		
		| 
			
		 | 
	 
	 
 
 |  
		 
 
		 |