  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		| 
			สถิติผู้เข้าชม
		 | 
	 
	
		
			  ขณะนี้มีผู้เข้าใช้
		 | 
		
			6
		 | 
	 
	
		
			  ผู้เข้าชมในวันนี้
		 | 
		
			387
		 | 
	 
	
		
			  ผู้เข้าชมทั้งหมด
		 | 
		
			5,810,605
		 | 
	 
	
	
	
  |  
	 |  
	| 
 |  
 
	
	
		 |  
		
			
				
	
		| 
					4 พฤศจิกายน 2568
				 | 
	 
	
				| 
			อา		 | 
				
			จ.		 | 
				
			อ.		 | 
				
			พ.		 | 
				
			พฤ		 | 
				
			ศ.		 | 
				
			ส.		 | 
			 
	|   |   |   |   |   |   | 						
					1  |  						| 
					2  | 						
					3  | 						
					4  | 						
					5  | 						
					6  | 						
					7  | 						
					8  |  						| 
					9  | 						
					10  | 						
					11  | 						
					12  | 						
					13  | 						
					14  | 						
					15  |  						| 
					16  | 						
					17  | 						
					18  | 						
					19  | 						
					20  | 						
					21  | 						
					22  |  						| 
					23  | 						
					24  | 						
					25  | 						
					26  | 						
					27  | 						
					28  | 						
					29  |  						| 
					30  | 						
					  | 						
					  | 						
					  | 						
					  | 						
					  | 						
					  |   
			 | 
		 
		 |  
	 
	
	
	
		 | 
		
						
				 			
							
		
							
					 
				
					 | 
	 
	
		 | 
	 
	
	
				
	
		
			
				ผักกาดจ้อน
			
			 
			[9 กันยายน 2554  15:21 น.]จำนวนผู้เข้าชม 15112 คน		 | 
	 
	
		| 
					
								 | 
	 
	
		
			ผักกาดจ้อน 
 
  
 
ชื่อวิทยาศาสตร์  :  Brassica chinensis L. var. parachinensis Tsen & Lee 
ชื่อสามัญ  :  Flowering Cabbage, Flowering White Cabbage 
ชื่อวงศ์  :  Brassicaceae 
ชื่ออื่น ๆ  :  ผักกาดจ้อน (ภาคเหนือ, ภาคอีสาน), ผักกาดจอ, ผักกาดน้อย (ภาคเหนือ), ผักกะจ้อน (ภาคใต้) 
 
     ผักกาดจ้อนมีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรป ต้นสูงเพียง 15 - 18 ซม. ใบรูปไข่กลับ ขอบใบหยักเล็กน้อย ดอกสีเหลืองมี 4 กลีบ ผักชนิดนี้มีมากในภาคเหนือและอีสานของไทย ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับผักกาดเขียวกวางตุ้งที่เป็นผักเศรษฐกิจของคนเมือง เพียงแต่ผักกวางตุ้งมีขนาดใหญ่กว่า 
 
วิธีบริโภค 
     ชาวเหนือนิยมนำมาทำซ่าผัก ซึ่งปรุงร่วมกับผักนานาชนิด เช่น ขี้ติ้ว ผักโขม โสกน้ำ เป็นต้น ถ้ากินสดมีรสจืด และมีกลิ่นเหม็นเขียวเล็กน้อย ส่วนชาวอีสานจะนำมาต้มจิ้มน้ำพริก กินกับลาบ ก้อย หรือใส่ในแกงส้ม แกงเลียง แกงจืด และผัดน้ำมัน มีขายตลอดปี แต่มีมากในช่วงฤดูฝน 
     นอกจากนี้ในภาคอีสานยังมีผักกาดอีกชนิดหนึ่งที่นำมากินได้เช่นเดียวกัน เรียกว่า ผักกาดฮีน [B. juncea (L.) Czern.] ลักษณะคล้ายกับผักกาดจ้อน แต่ขอบใบหยักเป็นครุยมาก 
 
เคล็ดลับ 
     เมื่อนำมาปรุงด้วยความร้อนไม่ควรปิดฝา เนื่องจากผักชนิดนี้เมื่อโดนความร้อนจะเกิดสารไธโอไซยาเนต ถ้ากินเข้าไปจะทำให้ท้องเสีย กล้ามเนื้ออ่อนเพลีย ความดันโลหิตลดต่ำ ซึ่งรวมไปถึงกะหล่ำปลีและผักกาดชนิดอื่น ๆ ด้วย 
 
ที่มา  :  หนังสือ "ผักพื้นบ้าน 1" โดย อุไร จิรมงคลการ		 | 
	 
		
		| 
			
		 | 
	 
	 
 
 |  
		 
 
		 |