  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		| 
			สถิติผู้เข้าชม
		 | 
	 
	
		
			  ขณะนี้มีผู้เข้าใช้
		 | 
		
			10
		 | 
	 
	
		
			  ผู้เข้าชมในวันนี้
		 | 
		
			391
		 | 
	 
	
		
			  ผู้เข้าชมทั้งหมด
		 | 
		
			5,810,609
		 | 
	 
	
	
	
  |  
	 |  
	| 
 |  
 
	
	
		 |  
		
			
				
	
		| 
					4 พฤศจิกายน 2568
				 | 
	 
	
				| 
			อา		 | 
				
			จ.		 | 
				
			อ.		 | 
				
			พ.		 | 
				
			พฤ		 | 
				
			ศ.		 | 
				
			ส.		 | 
			 
	|   |   |   |   |   |   | 						
					1  |  						| 
					2  | 						
					3  | 						
					4  | 						
					5  | 						
					6  | 						
					7  | 						
					8  |  						| 
					9  | 						
					10  | 						
					11  | 						
					12  | 						
					13  | 						
					14  | 						
					15  |  						| 
					16  | 						
					17  | 						
					18  | 						
					19  | 						
					20  | 						
					21  | 						
					22  |  						| 
					23  | 						
					24  | 						
					25  | 						
					26  | 						
					27  | 						
					28  | 						
					29  |  						| 
					30  | 						
					  | 						
					  | 						
					  | 						
					  | 						
					  | 						
					  |   
			 | 
		 
		 |  
	 
	
	
	
		 | 
		
						
				 			
							
		
							
					 
				
					 | 
	 
	
		 | 
	 
	
	
				
	
		
			
				ผักชีช้าง
			
			 
			[16 กันยายน 2554  14:18 น.]จำนวนผู้เข้าชม 8406 คน		 | 
	 
	
		| 
					
								 | 
	 
	
		
			ผักชีช้าง 
 
  
 
ชื่อวิทยาศาสตร์  :  Artemisia sp. 
ชื่อวงศ์  :  Asteraceae 
ชื่ออื่น ๆ  :  ผักชีช้าง (ภาคอีสาน) 
 
     กระจายพันธุ์ในประเทศเขตหนาว เป็นไม้พุ่ม อายุสั้น ต้นสูงประมาณ 80 ซม. ทุกส่วนเมื่อขยี้มีกลิ่นหอม ใบเป็นเส้นฝอย ออกเวียนรอบกิ่ง ช่อดอกออกที่ปลายยอด ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว เมล็ดมีขนาดเล็ก สีดำ 
 
วิธีบริโภค 
     ยอดอ่อนกินเป็นผักสดกับน้ำพริก ลาบ หรืออาหารรสจัดต่าง ๆ ช่วยดับกลิ่นคาว 
 
ประโยชน์อื่น ๆ  
     ด้านสมุนไพร รากนำมาต้มน้ำดื่มแก้โรคเบาหวาน น้ำต้มจากใบใช้อาบแก้ซางเด็ก พืชสกุลนี้ส่วนมากใช้เป็นสมุนไพรพื้นบ้านของไทย เช่น โกฐจุฬาลำพาหรือชิงฮาว (A. aNNua L.) และผักเหี่ยหรือโกฐจุฬาลำพาจีน (A. vulgaris L.) 
 
ที่มา  :  หนังสือ "ผักพื้นบ้าน 2"  โดย อุไร  จิรมงคลการ		 | 
	 
		
		| 
			
		 | 
	 
	 
 
	
		| 
			 
				ความคิดเห็นที่ 1
			 
			
		 | 
	 
	
		 | 
	 
	
		
			ตอนนี้ [url=http://www.raak30.com]รากสามสิบ[/url] เริ่มถูกนำมาบรรจุแคปซูลเพื่อให้ง่ายต่อการรับประทาน  
ซึ่งสามารถหาซื้อได้ทั่วไป อยากให้สมุนไพรดีๆแบบนี้ได้ถูกนำไปใช้โดยเฉพาะผู้หญิงค่ะ  
เพราะรากสามสิบถือว่าเป็นสมุนไพรสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะค่ะ		 | 
	 
	
		 | 
	 
	
		| 
			 
				ชื่อ : 
				Raak30				  
				วันที่ : 4 เมษายน 2560  18:13 น.			 
			
				IP : 180.180.97.XXX			 
		 | 
	 
 
 
 |  
		 
 
		 |