|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
สถิติผู้เข้าชม
|
ขณะนี้มีผู้เข้าใช้
|
12
|
ผู้เข้าชมในวันนี้
|
1,531
|
ผู้เข้าชมทั้งหมด
|
5,450,348
|
|
|
|
|
4 ธันวาคม 2567
|
อา |
จ. |
อ. |
พ. |
พฤ |
ศ. |
ส. |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
10 |
11 |
12 |
13 |
14 |
15 |
16 |
17 |
18 |
19 |
20 |
21 |
22 |
23 |
24 |
25 |
26 |
27 |
28 |
29 |
30 |
31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ผักตบ
[12 ตุลาคม 2554 14:51 น.]จำนวนผู้เข้าชม 7578 คน |
|
ผักตบ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Monochoria hastata (L.) Solms
ชื่อสามัญ : Monochoria
ชื่อวงศ์ : Pontederiaceae
ชื่ออื่น ๆ : ผักตบ, ผักตบไทย, ผักโป่ง, ผักสามหาว (ภาคกลาง)
วัชพืชน้ำอีกชนิดหนึ่งที่พบอยู่ทั่วทุกแหล่งน้ำในเมืองไทย ต้นสูงได้ถึง 1.50 เมตร ใบรูปหัวใจเรียวแหลม ก้านใบอวบ ช่อดอกผลิบานในฤดูหนาว ออกตามซอกก้านใบใต้แผ่นใบเล็กน้อย ดอกสีม่วง มีกลีบดอก 6 กลีบ ผลกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.2 ซม.
วิธีบริโภค
ยอดและช่อดอกอ่อนนำมาต้มหรือลวกให้สุกกินกับน้ำพริก หรือใส่ในแกงส้ม แกงกะทิ เช่นเดียวกับผักตบชวา ยอดมีมากในฤดูฝน ดอกมีเฉพาะในฤดูหนาว
ประโยชน์อื่น ๆ
ด้านสมุนไพร ทั้นต้นแก้พิษ ช่วยขับลม แก้ปวดแสบปวดร้อน หรือนำมาตำพอกแผลแก้อักเสบ ถ้าในแม่น้ำมีการระบาดมากและต้องการกำจัดก็นำมาทำปุ๋ยพืชสดได้
วิธีปลูก
ผักตบสามารถเจริญเติบโตได้ในทุกสภาพ มีดินเหนียวให้ยึดเกาะ แสงแดดส่องถึงตลอดวัน มีน้ำลึก 15 - 50 ซม. ขยายพันธุ์ด้วยการแยกกอมาปลูกลงดินเหนียว ปัจจุบันเป็นไม้ประดับริมน้ำที่ปลูกกันทั่วไป ทั้งในอ่างบัวเล็ก ๆ และบ่อน้ำในบ้าน ไม่นานก็จะแตกกอผลิยอดและดอกให้เราเก็บกิน
ที่มา : หนังสือ "ผักพื้นบ้าน 2" โดย อุไร จิรมงคลการ |
|
|
|