  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		| 
			สถิติผู้เข้าชม
		 | 
	 
	
		
			  ขณะนี้มีผู้เข้าใช้
		 | 
		
			4
		 | 
	 
	
		
			  ผู้เข้าชมในวันนี้
		 | 
		
			384
		 | 
	 
	
		
			  ผู้เข้าชมทั้งหมด
		 | 
		
			5,810,602
		 | 
	 
	
	
	
  |  
	 |  
	| 
 |  
 
	
	
		 |  
		
			
				
	
		| 
					4 พฤศจิกายน 2568
				 | 
	 
	
				| 
			อา		 | 
				
			จ.		 | 
				
			อ.		 | 
				
			พ.		 | 
				
			พฤ		 | 
				
			ศ.		 | 
				
			ส.		 | 
			 
	|   |   |   |   |   |   | 						
					1  |  						| 
					2  | 						
					3  | 						
					4  | 						
					5  | 						
					6  | 						
					7  | 						
					8  |  						| 
					9  | 						
					10  | 						
					11  | 						
					12  | 						
					13  | 						
					14  | 						
					15  |  						| 
					16  | 						
					17  | 						
					18  | 						
					19  | 						
					20  | 						
					21  | 						
					22  |  						| 
					23  | 						
					24  | 						
					25  | 						
					26  | 						
					27  | 						
					28  | 						
					29  |  						| 
					30  | 						
					  | 						
					  | 						
					  | 						
					  | 						
					  | 						
					  |   
			 | 
		 
		 |  
	 
	
	
	
		 | 
		
						
				 			
							
		
							
					 
				
					 | 
	 
	
		 | 
	 
	
	
				
	
		
			
				ผักตบ
			
			 
			[12 ตุลาคม 2554  14:51 น.]จำนวนผู้เข้าชม 7983 คน		 | 
	 
	
		| 
					
								 | 
	 
	
		
			ผักตบ 
 
  
 
ชื่อวิทยาศาสตร์  :  Monochoria hastata (L.) Solms 
ชื่อสามัญ  :  Monochoria 
ชื่อวงศ์  :  Pontederiaceae 
ชื่ออื่น ๆ  :  ผักตบ, ผักตบไทย, ผักโป่ง, ผักสามหาว (ภาคกลาง) 
 
     วัชพืชน้ำอีกชนิดหนึ่งที่พบอยู่ทั่วทุกแหล่งน้ำในเมืองไทย ต้นสูงได้ถึง 1.50 เมตร ใบรูปหัวใจเรียวแหลม ก้านใบอวบ ช่อดอกผลิบานในฤดูหนาว ออกตามซอกก้านใบใต้แผ่นใบเล็กน้อย ดอกสีม่วง มีกลีบดอก 6 กลีบ ผลกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.2 ซม. 
 
วิธีบริโภค 
     ยอดและช่อดอกอ่อนนำมาต้มหรือลวกให้สุกกินกับน้ำพริก หรือใส่ในแกงส้ม แกงกะทิ เช่นเดียวกับผักตบชวา ยอดมีมากในฤดูฝน ดอกมีเฉพาะในฤดูหนาว 
 
ประโยชน์อื่น ๆ  
     ด้านสมุนไพร ทั้นต้นแก้พิษ ช่วยขับลม แก้ปวดแสบปวดร้อน หรือนำมาตำพอกแผลแก้อักเสบ ถ้าในแม่น้ำมีการระบาดมากและต้องการกำจัดก็นำมาทำปุ๋ยพืชสดได้ 
 
วิธีปลูก 
     ผักตบสามารถเจริญเติบโตได้ในทุกสภาพ มีดินเหนียวให้ยึดเกาะ แสงแดดส่องถึงตลอดวัน มีน้ำลึก 15 - 50 ซม. ขยายพันธุ์ด้วยการแยกกอมาปลูกลงดินเหนียว ปัจจุบันเป็นไม้ประดับริมน้ำที่ปลูกกันทั่วไป ทั้งในอ่างบัวเล็ก ๆ และบ่อน้ำในบ้าน ไม่นานก็จะแตกกอผลิยอดและดอกให้เราเก็บกิน 
 
ที่มา  :  หนังสือ "ผักพื้นบ้าน 2"  โดย อุไร  จิรมงคลการ		 | 
	 
		
		| 
			
		 | 
	 
	 
 
 |  
		 
 
		 |