  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		  | 
	 
	
		| 
			สถิติผู้เข้าชม
		 | 
	 
	
		
			  ขณะนี้มีผู้เข้าใช้
		 | 
		
			15
		 | 
	 
	
		
			  ผู้เข้าชมในวันนี้
		 | 
		
			401
		 | 
	 
	
		
			  ผู้เข้าชมทั้งหมด
		 | 
		
			5,810,619
		 | 
	 
	
	
	
  |  
	 |  
	| 
 |  
 
	
	
		 |  
		
			
				
	
		| 
					4 พฤศจิกายน 2568
				 | 
	 
	
				| 
			อา		 | 
				
			จ.		 | 
				
			อ.		 | 
				
			พ.		 | 
				
			พฤ		 | 
				
			ศ.		 | 
				
			ส.		 | 
			 
	|   |   |   |   |   |   | 						
					1  |  						| 
					2  | 						
					3  | 						
					4  | 						
					5  | 						
					6  | 						
					7  | 						
					8  |  						| 
					9  | 						
					10  | 						
					11  | 						
					12  | 						
					13  | 						
					14  | 						
					15  |  						| 
					16  | 						
					17  | 						
					18  | 						
					19  | 						
					20  | 						
					21  | 						
					22  |  						| 
					23  | 						
					24  | 						
					25  | 						
					26  | 						
					27  | 						
					28  | 						
					29  |  						| 
					30  | 						
					  | 						
					  | 						
					  | 						
					  | 						
					  | 						
					  |   
			 | 
		 
		 |  
	 
	
	
	
		 | 
		
						
				 			
							
		
							
					 
				
					 | 
	 
	
		 | 
	 
	
	
				
	
		
			
				มะขามเทศ
			
			 
			[16 กันยายน 2554  14:07 น.]จำนวนผู้เข้าชม 10484 คน		 | 
	 
	
		| 
					
								 | 
	 
	
		
			มะขามเทศ 
 
  
 
ชื่อวิทยาศาสตร์  :  Pithecellobium dulce (Roxb.) Benth. 
ชื่อสามัญ  :  Madras Thorn, Manila Tamarind 
ชื่อวงศ์  :  Fabaceae - Mimosoideae 
ชื่ออื่น ๆ  :  มะขามเทศ (ภาคกลาง), มะขามข้อง (ภาคเหนือ) 
 
     มีถิ่นกำเนิดในแม็กซิโกและอเมริกากลาง ในไทยพบขึ้นทั่วทุกภาค เป็นไม้ต้นที่สูงได้ถึง 10 เมตร ทุกส่วนของต้นมีหนามแหลม ใบประกอบแบบขนนก ที่มีใบย่อยออกตรงข้ามกัน ใบเป็นรูปไข่ที่ไม่มีก้านใบ ช่อดอกออกเป็นกระจุกที่ซอกใบ ผลิบานในช่วงฤดูหนาว แต่ละดอกมีเกสรเพศผู้สีขาวนวลจำนวนมาก ส่วนกลีบดอกมีขนาดเล็กมาก ผลเป็นฝักบิดเป็นเกลียว เมื่อแก่จะแตกออก ภายในมีเนื้อสีขาวกรอบห่อหุ้มเมล็ดแบนสีดำไว้ 
 
วิธีบริโภค  
     หลายคนอาจคิดว่ามะขามเทศไม่น่าจะกินเป็นผักได้ แต่ทั้งเนื้อฝักอ่อนและแก่นำมาทำแกงส้ม อร่อยได้ไม่แพ้ผัก โดยเฉพาะต้นที่มีรสฝาดไม่อร่อยเมื่อกินเป็นผลไม้ ปัจจุบันมีพันธุ์ไร้หนามซึ่งสะดวกต่อการเก็บมาบริโภคมากขึ้น ทั้งยังให้เนื้อหนาและอร่อยกว่าพันธุ์มีหนาม 
 
ประโยชน์ด้านอื่น ๆ  
     ด้านสมุนไพร แก้ท้องร่วง โดยเฉพาะฝัก ช่วยขับพยาธิ ใช้ห้ามเลือดหรือล้างแผล ช่วยดูดน้ำเหลือง ลดการติดเชื้อ ทำให้แผลหายเร็วขึ้น แก้ปวดฟัน รักษาแผลในปากและคอ 
 
ที่มา  :  หนังสือ "ผักพื้นบ้าน 2"  โดย อุไร จิรมงคลการ		 | 
	 
		
		| 
			
		 | 
	 
	 
 
 |  
		 
 
		 |