สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 7
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 78
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 5,476,769
กรุณาฝาก Email ของท่าน
  เพื่อรับข่าวสาร ที่น่าสนใจ
27 ธันวาคม 2567
อา จ. อ. พ. พฤ ศ. ส.
10  11  12  13  14 
15  16  17  18  19  20  21 
22  23  24  25  26  27  28 
29  30  31         
             
 
โรคขี้เรื้อน(ชนิดแห้ง)ในน้องตูบ
[5 สิงหาคม 2553 17:21 น.]จำนวนผู้เข้าชม 13490 คน
โรคขี้เรื้อน(ชนิดแห้ง)ในน้องตูบ


 

   โรคขี้เรื้อนแห้ง...เวลาที่ผมถามเจ้าของน้องตูบว่า  โรคใดที่สร้างความกังวลใจและไม่อยากให้น้องตูบของตัวเองเป็นมากที่สุด   ...เชื่อได้เลยครับว่า "โรคเรื้อน" มักจะเป็นคำตอบในอันดับต้นๆ  ถือเป็นโรคที่เจ้าของน้องตูบให้ความสนใจและไม่สบายใจเลย  หากมีผู้บอกว่าน้องตูบของท่านเรียบร้อยโรงเรียน "เรื้อน" ไปแล้ว  คงต้องวิ่งหาสัตวแพทย์เป็นแน่ๆ  ใน Petgang ฉบับที่ 5 นั้น  เราได้คุยกันถึงเรื่องของ "โรคเรื้อนชนิดเปียก" ไปแล้ว  เพื่อความต่อเนื่องต้องมาคุยถึง "โรคเรื้อนชนิดแห้ง" กันต่อ  จะได้เข้าใจว่าลักษณะของโรคทั้งสองประเภทนั้นมันแตกต่างกันอย่างไรและแค่ไหน  

   สาเหตุของ "โรคขี้เรื้อนแห้ง"  เกิดจากน้องตูบป่วยติด "เชื้อปรสิต" ภายนอก เป็น "ตัวไรเล็กๆ" อาศััยอยู่บนผิวหนังชั้นหนังกำพร้า  ไม่ได้อาศัยลงลึกไปกว่านั้น  เจ้าไรที่ว่านี้มีขนาดเล็กมากครับ  ทั้งยังสามารถสืบพันธุ์  ออกไข่ให้ลูกหลานได้อีกมากมาย  เรียกว่า  อาศัยผิวหนังน้องตูบเป็นบ้านหลังใหญ่เลยทีเดียว  ปัญหาที่มักถามกันมากก็คือ  น้องตูบแสนรักจะไปติดโรคนี้ได้อย่างไร  ทั้งๆที่เลี้ยงอยู่แต่ในบ้าน  เหตุที่ว่าเกิดได้จากการเล่น  สัมผัสและคลุกคลีกับตัวที่ป่วยเข้าจนเกิดการถ่ายทอดเจ้าไรตัวนี้ต่อๆกันไป  ที่สำคัญอีกประการคือ เรื่องของสภาพแวดล้อมครับ  ในบ้านเมืองของเรามีน้องตูบจรจัดด้อยโอกาสเยอะ  เรียกว่าเดินไปตรอกไหน  ซอกไหน  ซอยไหน  มีอันต้องได้เจอ  

   นี่เองแหล่ะครับที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการแพร่กระจายของโรคได้เร็วและต่อเนื่อง  น้องตูบจรจัดด้อยโอกาสที่ป่วยเป็นโรคนี้ "จะมีอาการคันมาก"  และเมื่อคันและเกาบริเวณที่เป็นรอยโรคจะมีชิ้นส่วนของสะเก็ดผิวหนังที่ปลิวกระจายล่วงออกมาจากตัวน้องตูบ  หากน้องตูบอีกตัวไปนอนทับหรือเกลือกกลิ้ง ย่อมมีโอกาสจะติดเชื้อจนอาจป่วยเป็น "โรคเรื้อนแห้งได้"  เนื่องจากเจ้า "ไรขี้เรื้อน" นี้มีชีวิตได้นานกว่า 2 วัน  เมื่อหลุดร่วงจากผิวหนังของน้องตูบตัวที่ป่วยยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะไปติดต่อกับน้องตูบตัวอื่นได้มากขึ้น   เพราะฉะนั้นถึงแม้ท่านไม่ได้พาน้องตูบออกไปนอกบ้าน  แต่ถ้าน้องตูบของเราชอบนอนใกล้รั้วบ้าน และหากรอบๆบ้านมีน้องตูบจรจัดด้อยโอกาสตัวที่ป่วยเป็น "โรคขี้เรื้อนแห้ง" อาศัยอยู่ย่อมมีโอกาสติดโรคได้เช่นกันครับ  

   อาการของน้องตูบตัวที่ป่วยเป็น "โรคขี้เรื้อนแห้ง" เริ่มต้นจะมีอาการคันตัว  คันที่ขอบใบหูทั้งสองข้างและคันที่ศอกด้านข้าง  ถ้าสังเกตให้ดีจะพบเม็ดตุ่มแดงๆขึ้นที่ผิวหนัง  บริเวณที่เห็นชัดเจนมักเป็นที่ท้อง หรือบริเวณขาหนีบ และบั้นท้าย จากนั้นจะเริ่มมีอาการคันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ  กระทั่งขนบนตัวน้องตูบเริ่มร่วง  ตำแหน่งที่พบชัดเจน คือ ที่ขอบใบหูทั้งสองข้าง  และศอกด้านข้าง  ผิวหนังบริเวณดังกล่าวเริ่มเป็นสะเก็ดแผล  บนผิวหนังจะเริ่มเกิดขึ้นทั่วตัวเช่นกัน  เจ้าน้องตูบหลังกลับที่เราเห็นข้างถนนนั่นแหล่ะครับ  คือน้องตูบที่ป่วยเป็น
"โรคขี้เรื้อนแห้ง"


   การตรวจวินิจฉัย  ในเบื้องต้นเราควรสังเกตอาการของน้องตูบของเราเองก่อนครับ  ซึ่งการทดสอบที่ได้ผลค่อนข้างแม่นยำในการตรวจโรคนี้  เรียกว่า  การทำ Pinna-pedal reflex test  การทดสอบทำได้ง่ายมาก  เวลาที่น้องตูบป่วยเป็น "โรคขี้เรื้อนแห้ง" จะมีตำแหน่งที่ "คันมากๆ" อยู่ 2 จุดดังที่กล่าวมา  คือ ที่ปลายหู 2 ข้างนั้น  และที่ข้อศอกด้านข้าง  ถ้าเราจับน้องตูบมาทดสอบโดยการ "เอานิ้วมือขยี้ที่ปลายใบหูเบาๆ" แล้วน้องตูบเอาเท้าหลังข้างนั้นเกาที่ศอกด้านนั้น ก็น่าสงสัยครับว่า "ทำไมน้องตูบของเราถึงคันได้" เพราะอาการดังกล่าวแสดงว่าคันมากที่ปลายใบหู และที่ศอกด้วย  และโรคผิวหนังที่จะเกิดขึ้นได้มีไม่กี่โรคหรอกครับ...ที่สำคัญคือ "โรคขี้เรื้อนแห้ง" นี่แหล่ะครับ  

   แต่การที่เราจะสรุปปัญหาการป่วยว่าใช่ "โรคขี้เรื้อนแห้ง" หรือไม่นั้น  คงต้องอาศัยองค์ประกอบหลายประการร่วมกัน  ไม่ว่าจะเป็นรอยโรคที่ปรากฏ  การทดสอบทำ Pinna-pedal reflex test  การขูดผิวหนังเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหา "ตัวไรขี้เรื้อน" ทุกอย่่างจะสอดคล้องกันแม้ว่าการขูดผิวหนังเพื่อหา "ตัวไรขี้เรื้อน" อาจจะไม่พบ  เพราะถ้าอยู่ในระยะเริ่มต้นมักจะขูดผิวหนังไม่พบเสียด้วยสิครับ  

   การรักษา "โรคขี้เรื้อนแห้ง" สามารถทำได้หลายวิธีครับ  ที่นิยมกระทำคือ การให้ยาโดยการฉีดเพื่อรักษา  ซึ่งได้ผลดีแต่ก็ต้องทำซ้ำทุกๆ 10-14 วันครั้งจนกว่าน้องตูบจะหายสนิท  ในกรณีที่เราเลี้ยงน้องตูบไว้หลายตัว  เราต้องพาน้องตูบทุกตัวมารับการรักษาด้วย  เพราะโรคนี้ติดต่อได้ง่ายและติดต่อได้ไวมาก  ถ้าเราไม่สนใจนำน้องตูบมารับการรักษาพร้อมๆกันจะทำให้เกิดปัญหาการป่วยวนเวียนอยู่ในฝูงน้องตูบ  เพราะเมื่อตัวที่เป็นหาย  ตัวที่ได้รับเชื้อจะเริ่มแสดงอาการอีก  และถ้ายาเสื่อมฤทธิ์เมื่อไหร่  น้องตูบจะเริ่มมีอาการป่วยอีกเช่นกัน  น้องตูบตัวที่ป่วยเป็น "โรคขี้เรื้อนแห้ง" นั้นมีความน่ารังเกียจอยู่แล้วครับ  เพราะน้องตูบเองแทบจะไม่มีขนอยู่บนผิวหนังเลย  บางตัวมีสะเก็ดคัน  มีแผลแตกระแหงมากมายบนผิวหนัง  มองยังไงก็ไม่น่ารัก  ไม่น่าสัมผัส  จริงๆแล้วถ้าท่านเจ้าของน้องตูบอุ้มน้องตูบตัวที่ป่วยนั้นมารักษา  ถึงแม้ว่าจะไม่มีขนเลยสักเส้นเดียว และมีแผลมากมาย  แต่เมื่อได้รับการรักษาแล้วน้องตูบของเราก็จะกลับมามีผิวหนังและขนเช่นดังเดิม  

   "โรคขี้เรื้อนแห้ง" นี้รักษาให้หายขาดได้  เพราะฉะนั้นอย่ารังเกียจน้องตูบเลยครับ  ตัดสินใจรักษาแต่เนิ่นๆก่อนที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนจนทำให้ผิวหนังอักเสบรุนแรงตามมา  

   "อาการแทรกซ้อนของน้องตูบที่ป่วยเป็นโรคขี้เรื้อนแห้ง" อาการที่พบได้มักมีมูลเหตุจากการคันนั่นแหล่ะครับ  สุนัขบางตัวมีอาการคันเกาหูจนใบหูบวม  มีเลือดคั่ง  ทำให้เราต้องตามมารักษาอาการดังกล่าวอีก  หรือบางตัวเอาตัวถูไถกับพื้น  เลีย  และงับตรงผิวหนังที่คันทำให้เกิดอาการแผลแดงซ้ำรุนแรง  และเป็นไวมาก  อย่างที่บอกไว้นั่นแหล่ะครับ "โรคขี้เรื้อนแห้ง" เป็นโรคที่คันสุดๆจริงๆนะครับ  

   "โรคขี้เรื้อนแห้ง" ติดคนไหม  คำตอบคือ  "ติดต่อถึงคนได้นะครับ"  โรคนี้ติดต่อจากการสัมผัสกับน้องตูบที่ป่วยอยู่นั่นแหล่ะ  เพราะฉะนั้น...เมื่อท่านทราบว่าน้องตูบของเราป่วยเป็นโรคนี้  ควรหยุดกอดและคลุกคลีกับน้องตูบไว้ก่อน  โดยเฉพาะคุณผู้หญิง ที่ผิวค่อนข้างบอบบาง  ควรหยุดกอดรัด หรืออุ้มน้องตูบเลยครับ  โรคที่ติดต่อมาสู่คนนั้นจะมีลักษณะเป็นเม็ดตุ่มแดงๆ ขึ้นบนผิวหนัง  มีอาการคัน และกระจายออกไปได้  วึ่งถ้ามีอาการเช่นนี้ให้รีบไปหาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงทีครับ...

ที่มาของบทความดีๆ : Petgang  





   
ปลาน้ำจืดไทย   ป่าเขา-ทะเลไทย   เที่ยวจัง!...ตังค์จะหมดแล้ว...

 




"ความโกรธเกิดจากความไม่อดทน"
Anger Comes as result of intolerance.

กัณหชาดก/Kanhajataka


 

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]
เรื่องทั่วไปเกี่ยวกับน้องตูบ
- หมาจ๋า [5 สิงหาคม 2553 17:21 น.]
- อีฮโยริ ควงแฟนหนุ่มสร้างบ้านให้หมาจรจัด [5 สิงหาคม 2553 17:21 น.]
- “Pet Master”ฌาปนกิจสัตว์เลี้ยงครบวงจรเอาใจคนรักน้องหมา [5 สิงหาคม 2553 17:21 น.]
- คนรักหมาบุกรัฐสภา ร้องออก พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ [5 สิงหาคม 2553 17:21 น.]
- จะดูยังไงว่าน้องตูบป่วยหรือเปล่า! [5 สิงหาคม 2553 17:21 น.]
- สุนัขสามารถป่วยเป็นโรคหัวใจได้ด้วยหรือ? [5 สิงหาคม 2553 17:21 น.]
- โรคมะเร็งในน้องตูบ [5 สิงหาคม 2553 17:21 น.]
- โรคเบาหวานในน้องตูบ [5 สิงหาคม 2553 17:21 น.]
- กระจกตาเสื่อมเนื่องจากไขมัน [5 สิงหาคม 2553 17:21 น.]
- พยาธิหนอนหัวใจ [5 สิงหาคม 2553 17:21 น.]
ดูทั้งหมด

Copyright@2010 by www.nongtoob.com All right reserved.
Engine by MAKEWEBEASY