สาเหตุ เกิดจากยีสต์ที่มีชื่อว่า Malassezia pachydermatis พบในสัตว์ที่มีผิวหนังเปียกชื้น อับชื้น ผิวหนังมันเกือบตลอดเวลา และเชื้อนี้เป็นเชื้อที่ฉวยโอกาส มักเกิดแทรกซ้อนในสัตว์ที่เป็นโรคผิวหนังแบบอื่นๆได้ง่าย
สายพันธุ์ที่พบบ่อยและปัจจัย โน้มนำ : มักพบในสุนัขมากกว่าในแมว สายพันธุ์ที่มักพบได้บ่อยๆ ได้แก่ ไวท์เทอเรีย พุดเดิ้ล บาสเซสฮาวนด์ คอกเกอร์ ดัชชุน
อาการและความรุนแรงของโรค สัตว์จะมีอาการคัน ผิวหนังเป็นผื่นแดง ขนร่วง มีสะเก็ดรังแค มีคราบเหนียวๆ เยิ้มๆ ที่ผิวหนัง มักพบที่บริเวณ รอบริมฝีปาก ลำคอ อุ้งเท้า ขาหนีบ ใบหู ในรูหู และ ขี้หูมีสีเหลืองเหนียวๆ และในรายที่เป็นเรื้อรัง จะพบผิวหนังบริเวณนั้นเปลี่ยนสี เนื่องจากมีเม็ดสีไปสะสมมากขึ้น
|

ภาพ(ซ้าย) สุนัขที่เป็นยีสต์ พบขนร่วง สะเก็ด ผิวหนังเปลี่ยนสีที่บริเวณใบหู ต้นคอ และลำตัว (ขวา)ภาพบริเวณใบหู พบขนร่วง สะเก็ดรังแค หูเยิ้มๆเหนียวๆ
|
ภาพ บริเวณอุ้งเท้าจะเหนียวๆ
|
การตรวจวินิจฉัยโรค วิธีการวินิจฉัยที่ง่าย และได้ผลที่ค่อนข้างถูกต้อง รวดเร็ว คือ การย้อมตรวจเซลล์ โดยเซลล์ที่นำไปย้อมนั้นอาจได้มาจากการขูดตรวจ หรือใช้สก๊อตเทปแปะที่บริเวณรอยโรค จากนั้นนำมาย้อมเซลล์แล้วตรวจโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ ส่วนวิธีอื่นๆ ได้แก่ การเพาะเชื้อ และ การนำชิ้นเนื้อที่ได้จากรอยโรคที่ผิวหนังไปตรวจทางพยาธิวิทยา ซึ่งวิธีเหล่านี้จะค่อนข้างยุ่งยาก และใช้ เวลาค่อนข้างนาน แต่จะมีแม่นยำในการวินิจฉัยค่อนข้างมาก |

ภาพ(ซ้าย) ภาพการเก็บตัวอย่างโดยใช้ การขูดตรวจ (ขวา) ภาพการเก็บตัวอย่างโดยใช้สก๊อตเทปแปะ |
ภาพ เชื้อยีสต์ที่พบจากการส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ มีลักษณะเหมือนเปลือกถั่ว
|
การรักษาโรค การรักษามี 2 วิธี คือ วิธีการรักษาเฉพาะที่ และการรักษาทางยา การรักษาเฉพาะที่ วิธีที่นิยมใช้ คือ การใช้แชมพูฆ่าเชื้อยีสต์ในการอาบน้ำ โดยใช้ฟอก 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ สำหรับการรักษาทางยานั้นจะใช้ยาฆ่าเชื้อยีสต์ อย่างน้อย 3-8 อาทิตย์ และถ้าใช้ร่วมกันทั้ง 2 วิธีจะทำให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น |
______________________________________________
บทความพิเศษจาก โรงพยาบาล สัตว์ สัตวแพทย์ 4 โพลีคลีนิค
|
|